ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,038.27 จุด เพิ่มขึ้น 88.68 จุด หรือ +0.49% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,035.17 จุด เพิ่มขึ้น 21.07 จุด หรือ +0.42% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,107.96 จุด เพิ่มขึ้น 10.67 จุด หรือ +0.51%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนมี.ค.ดีดตัวขึ้น 6.1% สู่ระดับ 5.19 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 5.03 ล้านยูนิต นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐกำลังฟื้นตัวขึ้น
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทเอกชน โดยบริษัทโคคา-โคลาเปิดเผยกำไรเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.56 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก ขณะที่ยอดขายทั่วโลกเพิ่มขึ้น 1% ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ระดับ 35 เซนต์ในไตรมาสแรก ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการปรับเพิ่มราคาเครื่องดื่มของบริษัท
ขณะที่บริษัทโบอิ้งเปิดเผยกำไรพุ่งขึ้น 38% ในไตรมาสแรก สู่ระดับ 1.34 พันล้านดอลลาร์ เทียบกับ 965 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.87 ดอลลาร์ เทียบกับ 1.28 ดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้ปัจจัยหนุนจากการขยายตัวของแผนกสายการบินพาณิชย์
ทั้งนี้ หุ้นโคคา-โคลา พุ่งขึ้น 1.30% ขณะที่หุ้นโบอิ้ง ปรับตัวลง 1.40%
ส่วนหุ้นแมคโดนัลด์ ร่วงลง 2.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายทั่วโลกลดลง 2.3% ขณะที่ผลประกอบการรายไตรมาสลดลง 11% ในไตรมาสแรก
หุ้นวีซา และหุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่งขึ้น 4.07% และ 3.91% ตามลำดับ หลังจากคณะรัฐมนตรีจีนประกาศกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการบริการด้านชำระบัญชีบัตรเครดิต โดยมีเป้าหมายที่จะเปิดกว้างภาคการเงินภายในประเทศ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนเม.ย., ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค.