ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,285.74 จุด เพิ่มขึ้น 0.34 จุด หรือ +0.00% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,090.79 จุด เพิ่มขึ้น 19.05 จุด หรือ +0.38% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,130.82 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด หรือ +0.23%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า เฟดอาจชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ตามเวลาไทย กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 16 พ.ค. เพิ่มขึ้น 10,000 ราย แตะ 274,000 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 271,000 ราย
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนเม.ย.ร่วงลง 3.3% สู่ระดับ 5.04 ล้านยูนิต ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.24 ล้านยูนิต
ด้านมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 53.8 ในเดือนพ.ค. จากระดับ 54.1 ในเดือนเม.ย. เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์สำหรับสินค้าส่งออก
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดนิวยอร์ก โดยหุ้นทรานส์โอเชียน และหุ้นโนเบิล คอร์ป ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 4.3%
หุ้นเบสท์บาย พุ่งขึ้น 3.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกอยู่ที่ 37 เซนต์ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นักลงทุนต่างรอดูการแถลงเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟดในวันนี้ เพื่อที่จะประเมินความชัดเจนมากขึ้นว่าประธานเฟดเชื่อว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นหลังจากที่ปรับตัวย่ำแย่ในช่วงไตรมาสแรกหรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. ในวันนี้เวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย