นายแบลนชาร์ดระบุว่า "หากคุณมองไปไกลกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น คุณจะมองไม่เห็นเหตุผลพิเศษใดๆที่จะทำให้เราต้องเลิกเชื่อมั่นในเศรษฐกิจจีน"
ตลาดหุ้นจีนพุ่งทะยานขึ้นกว่า 150% ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งปีและแตะระดับสูงสุดในช่วงกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ได้ปรับตัวลดลงมากกว่า 30% หลังจากนั้น
นายแบลนชาร์ดมองว่า การร่วงลงของตลาดหุ้นจีนเป็นเหตุการณ์ข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ในระบบเศรษฐกิจ การปรับตัวในภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงค่อนข้างที่จะมีความแข็งแกร่ง โดยอัตราการขยายตัวของสินเชื่อและการปรับฐานการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุม
สำหรับมาตรการของรัฐบาลจีนในการสร้างเสถียรภาพให้กับตลาดนั้น นายแบลนชาร์ดกล่าวว่า การเข้าแทรกแซงเพื่อชะลอการปรับตัวลดลงของตลาดหุ้นเป็นเรื่องที่เหมาะสมอย่างแท้จริง
ผลกระทบจากตลาดหุ้นจะมีผลต่อเศรษฐกิจน้อยมาก เขากล่าว โดย IMF ยังคงคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลกสำหรับปีนี้เอาไว้ที่ 6.8%
ต่อคำถามที่ว่า ความผันผวนของตลาดหุ้นจีนและประเด็นกรีซจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อย่างไรบ้าง นายแบลนชาร์ดกล่าวว่า "เฟดจะมองสถานการณ์ในกรีซและจีนเช่นเดียวกับเรา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่สำคัญสำหรับสหรัฐในจุดนี้ ดังนั้นเรื่องนี้จะไม่มีผลกระทบต่อทางเลือกในการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดมากนัก" สำนักข่าวซินหัวรายงาน