ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับลง 33.80 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 18,086.45 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 2.35 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 2,126.64 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 46.96 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 5,210.14 จุด
การทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากการรายงานผลประกอบการของกูเกิล ได้ช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ให้ปิดพุ่งขึ้น
หุ้นกูเกิลพุ่งขึ้นกว่า 16% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสที่สูงกว่าคาดการณ์ของตลาด โดยบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ 3.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 6.43 ดอลลาร์/หุ้น เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2 ปีที่แล้วที่ระดับ 3.35 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.88 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าผลประกอบการกูเกิลยังคงแข็งแกร่ง ในขณะที่ทางบริษัทกำลังหาลู่ทางที่จะรับมือกับราคาโฆษณาที่ปรับตัวลดลง และระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมไม่ได้ปรับตัวแข็งแกร่งมากนัก อันเนื่องมาจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มวัสดุและกลุ่มสาธารณูปโภค แม้ว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐเมื่อคืนนี้ออกมาในเชิงบวกโดยทั่วไป
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันและอาหารที่ทะยานขึ้น
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI ดีดตัวขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้นในเดือนมิ.ย. ซึ่งบ่งชี้ว่าภาวะตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐยังคงมีความแข็งแกร่ง โดยตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 9.8% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.17 ล้านยูนิต
ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะแตะระดับ 1.11 ล้านยูนิตในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ตลาดยังมีแรงกดดันจากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากในช่วงที่ผ่านมา นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้