ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลดลง 530.94 จุด หรือ 3.12% ปิดที่ 16,459.75 จุด ดัชนี S&P 500 ลดลง 64.84 จุด หรือ 3.19% ปิดที่ 1,970.89 จุด และดัชนี Nasdaq ลดลง 171.45 จุด หรือ 3.52% ปิดที่ 4,706.04 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลดลงหลังจากตลาดหุ้นต่างๆในทั่วโลกต่างก็ปรับตัวลดลงเมื่อวันศุกร์ โดยตลาดหุ้นจีนยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังผลการสำรวจของไคซิน (Caixin) บ่งชี้ว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตในเบื้องต้นของจีนร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 77 เดือนที่ 47.1 ในเดือนส.ค. จากระดับ 47.8 ในเดือนก.ค. ในขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปก็ปรับตัวลดลงเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐยังได้รับแรงกดดันจากรายงานของมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน ที่เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปีในเดือนส.ค.
มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นของสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 52.9 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2013 จากระดับ 53.8 ในเดือนก.ค.
ในขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงประเมินถึงความไม่แน่นอนของช่วงเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่า หากยังไม่มีความชัดเจนก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากยิ่งขึ้น
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต่างก็ปรับตัวลดลง โดยหุ้นเฟซบุ๊กและแอปเปิลต่างก็ลดลงมากกว่า 4.9%
หุ้น Intuit Inc. ผู้จัดหาซอฟต์แวร์บัญชีสำหรับภาคครัวเรือนลดลง 13% หลังจากเปิดเผยประมาณการยอดขายและรายได้ที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นรอสส์ สโตร์ อิงค์ ลดลง 9.5% หลังเปิดเผยคาดการณ์ผลประกอบการที่ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์