ณ เวลา 20.40 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ลบ 51.78 จุด หรือ 0.33% สู่ระดับ 16,603.39 จุด
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 2 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2/2558 ขยายตัว 3.7% ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเบื้องต้นที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.3% และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 3.3% โดยการปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวเกิดจากการที่ภาคธุรกิจเพิ่มการลงทุน และเพิ่มสต็อกสินค้า รวมทั้งการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคและของรัฐบาล
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น 369.26 จุด หรือ +2.27% เมื่อคืนนี้ (27 ส.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2 ที่ขยายตัวแข็งแกร่งกว่าการคาดการณ์ รวมทั้งจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่ปรับตัวลดลงเกินคาดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนเมื่อวันพุธ ดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุด หลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก ส่งสัญญาณว่า แนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้ามีน้อยลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมถึงยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนที่พุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ค.
ขณะนี้ นักลงทุนกำลังให้ความสนใจต่อการประชุมเศรษฐกิจประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮล รัฐไวโอมิงในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจมีการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า
นายสแตนเลย์ ฟิชเชอร์ รองประธานเฟด เตรียมกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮล ในวันที่ 29 ส.ค.นี้
สำหรับหัวข้อที่จะพูดถึงนั้นได้แก่แนวโน้มเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งเมื่อช่วงต้นเดือน รองประธานเฟดชี้ว่าเป็นประเด็นที่ค่อนข้างน่าวิตก จนส่งผลให้นักวิเคราะห์บางส่วนมองว่าเฟดไม่น่าจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า
ทั้งนี้ การประชุมประจำปีที่เมืองแจ็คสันโฮลถือเป็นเหตุการณ์ที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากอาจมีการส่งสัญญาณถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้ ท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่างกันในหมู่นักเศรษฐศาสตร์ หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมเดือนก.ค.ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของเฟดส่วนใหญ่เชื่อว่าใกล้ถึงเวลาที่เฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงิน แต่ไม่ได้ส่งสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบหลายปี