ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,643.01 จุด ลดลง 11.76 จุด หรือ -0.07% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,988.87 จุด เพิ่มขึ้น 1.21 จุด หรือ +0.06% และดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,828.32 จุด เพิ่มขึ้น 15.61 จุด หรือ +0.32%
ส่วนในตลอดทั้งสัปดาห์ ดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 1.1%, S&P 500 ปรับขึ้นทั้งสิ้น 0.9% และ NASDAQ เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 2.6%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้เป็นไปอย่างผันผวน โดยดาวโจนส์ปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนก.ค. ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4%
ขณะที่ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายของผู้บริโภคสหรัฐประจำเดือนส.ค.ลดลงมากกว่าคาด สู่ระดับ 91.9 โดยต่ำกว่า 92.9 ซึ่งเป็นตัวเลขเบื้องต้นของเดือนส.ค. และต่ำกว่าระดับ 93.1 ของเดือนก.ค. อันเนื่องมาจากความวิตกต่อภาวะผันผวนในตลาดหุ้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจจีน
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ ซึ่งช่วยให้ตลาดลดแรงลบ และยังช่วยหนุนดัชนี NASDAQ และ S&P500 ปิดในแดนบวก
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดหวังว่าเฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากนายนารายานา โคเชอร์ลาโคตา ประธานเฟดสาขามินเนอาโพลิสได้แสดงความเห็นว่า เฟดยังไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ โดยการแสดงความเห็นของนายโคเชอร์ลาโคตาในครั้งนี้ สอดคล้องกับคำกล่าวของเขาเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ว่า เฟดไม่ควรรีบขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ควรผ่อนคลายนโยบายต่อไป ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ
นอกจากนี้ การแสดงความเห็นของประธานเฟดมินเนอาโพลิสยังเป็นไปในทิศทางเดียวกับนายวิลเลียม ดัดลีย์ ประธานเฟดสาขานิวยอร์กส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้ว่า เฟดมีแนวโน้มลดลงที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงเผชิญความเสี่ยงจากภาวะปั่นป่วนในตลาดโลกระยะนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเชฟรอน และหุ้นทรานส์โอเชียน ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 3.5%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้นอินเทล คอร์ป ปรับขึ้น 1.4% ขณะที่หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 1.5%
อย่างไรก็ตาม หุ้นวอลมาร์ท ร่วงลง 1.7% หลังจากมีรายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐประจำเดือนส.ค.ลดลงมากกว่าคาด อันเนื่องมาจากความผันผวนของตลาดหุ้น
ส่วนหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และหุ้นไฟเซอร์ ร่วงลงอย่างน้อย 1% อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ภายในประเทศ