ดัชนี FTSE 100 ปิดเพิ่มขึ้น 82.91 จุด หรือ 1.35% ที่ 6,229.01 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นอังกฤษเป็นไปอย่างคึกคักสอดคล้องกับตลาดหุ้นเอเชีย โดยการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดหุ้นจีน และการทะยานแข็งแกร่งของหุ้นญี่ปุ่น ช่วยฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่หดหายไปก่อนหน้านี้ โดยในการซื้อขายวันพุธนั้น ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวกอีก 2.29% ขณะที่ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียว ทะยานถึง 7.71% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2551
กระทรวงการคลังของจีนได้ประกาศนโยบายการคลังหลายนโยบายเมื่อคืนวันอังคาร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ อาทิ การประสานกองทุนต่างๆให้เร่งการก่อสร้างโครงการต่างๆให้รวดเร็วขึ้น นำเงินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์มาทำให้เกิดประโยชน์ และขยายการลดหย่อนภาษี เป็นต้น
กระทรวงระบุด้วยว่า จีนจะเผยมาตรการนโยบายการคลังที่ทรงพลังมากขึ้นเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ความวิตกว่าเศรษฐกิจจีนกำลังชะลอตัวเร็วขึ้นกว่าที่คาดนั้นได้กระตุ้นให้เกิดแรงเทขายในตลาดหุ้นทั่วโลกช่วงที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น เผยว่า รัฐบาลญี่ปุ่นจะเดินหน้าแผนปรับลดอัตราภาษีนิติบุคคลลงอย่างน้อย 3.3% ในช่วงสองปีข้างหน้า
หุ้นปรับตัวขึ้นเกือบทุกกลุ่มในตลาดหุ้นลอนดอน นำโดยกลุ่มเหมืองและโลหะอุตสาหกรรม และกลุ่มธนาคาร
ฮาร์กรีฟส์ แลนส์ดาวน์ บริษัทโบรกเกอร์เป็นแกนนำหุ้นบวก โดยพุ่งขึ้น 7% หลังเผยผลประกอบการ
อังโกล อเมริกัน พุ่ง 5.54% บีเอชพี บิลลิตัน บวก 3.68%
เกลนคอร์บวก 4.80% โดยหุ้นเกลนคอร์ปรับตัวขึ้นแข็งแกร่งในช่วงสองวันที่ผ่านมา หลังจากเผยว่าบริษัทมีแผนที่จะตัดลดหนี้สินสุทธิลงประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์
มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต บวก 3.47% จากข่าวเตรียมขายธุรกิจร้านสะดวกซื้อ
ไรอันแอร์ พุ่ง 5.2% หลังบริษัทเผยว่ากำไรอาจสูงกว่าที่คาดไว้ถึง 25% ฟอกซ์ตัน นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ปรับตัวขึ้น 3.75% หลังได้รับการอัพเกรดหุ้น
ส่วนหุ้นลบนำโดยบริษัทผู้ผลิตยา แกล็กโซสมิทไคล์น ลดลง 1.24% หลังผลการทดลองทางคลินิกของบริษัทยารายหนึ่งไม่ประสบความสำเร็จ