ณ เวลา 22.57 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กอยู่ที่ 17,423.39 จุด พุ่งขึ้น 254.44 จุด หรือ 1.48%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นนำตลาดในวันนี้
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน
การพุ่งขึ้นของหุ้นแมคโดนัลด์ในวันนี้มีส่วนช่วยหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50 จุด
บริษัทแมคโดนัลด์ คอร์ปเปิดเผยว่าตัวเลขยอดขายและกำไรของบริษัทในไตรมาส 3 พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ ยอดขายของร้านในสหรัฐที่เปิดดำเนินการอย่างน้อย 1 ปีก็มีการขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี
ทั้งนี้ แมคโดนัลด์รายงานว่ามีกำไร 1.31 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.40 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นจาก 1.07 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.09 ดอลลาร์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
ส่วนรายได้ลดลง 5.3% สู่ระดับ 6.62 พันล้านดอลลาร์ แต่หากไม่นับรวมผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทจะมียอดขายเพิ่มขึ้น 7%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า แมคโดนัลด์มียอดขายและกำไรที่ระดับ 6.41 พันล้านดอลลาร์ และ 1.27 ดอลลาร์ต่อหุ้นตามลำดับในไตรมาส 3
บริษัทดาว เคมิคัลเปิดเผยในวันนี้ว่า ทางบริษัทมีกำไร 1.29 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 หรือ 1.09 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นจากระดับ 852 ล้านดอลลาร์ หรือ 71 เซนต์ต่อหุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ผลกำไรของบริษัทยังมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 69 เซนต์ต่อหุ้น
ตัวเลขกำไรในไตรมาส 3 ได้รับแรงหนุนจากการขายธุรกิจอะโกรเฟรชของบริษัท
ทางด้านนายดรากีระบุในวันนี้ว่า ECB จะทำการทบทวนในเดือนธ.ค.เพื่อพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการเพิ่มเติมหรือไม่เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำในขณะนี้
การแถลงดังกล่าวของนายดรากีมีขึ้น หลังจากที่ ECB ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ในวันนี้
นายดรากีกล่าวว่า ECB จะยังคงตรึงวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ระดับ 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน และย้ำว่า ECB อาจตัดสินใจขยายเวลาการใช้มาตรการ QE ให้นานกว่าเดือนก.ย.2016 ที่กำหนดไว้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของยูโรโซน และหนุนให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2%
ทั้งนี้ ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินในวันนี้ โดยที่ประชุมมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ตามความคาดหมาย
ECB เริ่มต้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในวันที่ 9 มี.ค. โดยหวังว่าการอัดฉีดเม็ดเงินดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน และหนุนอัตราเงินเฟ้อ
ECB ระบุก่อนหน้านี้ว่า จะซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน จนถึงเดือนก.ย.ปีหน้า โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค. คิดเป็นวงเงินรวม 1.1 ล้านล้านยูโร ซึ่งมีเป้าหมายที่จะอัดฉีดเม็ดเงินใหม่ๆเข้าสู่เศรษฐกิจของประเทศยูโรโซนที่กำลังซบเซาลง และจัดการกับภาวะเงินฝืด และอัตราว่างงานในยูโรโซน โดย ECB จะซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ใกล้ระดับ 2% ในระยะกลาง