ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,813.39 จุด เพิ่มขึ้น 1.20 จุด หรือ +0.01% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,116.14 จุด เพิ่มขึ้น 13.33 จุด หรือ +0.26% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,088.87 จุด ลดลง 0.27 จุด หรือ -0.01%
นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพ โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นอัลเลอร์แกน ปรับขึ้น 2.9% หลังจากไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ หลังจากมีรายงานว่า ไฟเซอร์ทุ่มเงินมูลค่า 1.60 แสนล้านดอลลาร์เพื่อควบรวมกิจการกับบริษัท อัลเลอร์แกน พีแอลซี ของไอร์แลนด์ โดยข้อตกลงระบว่าจะมีการก่อตั้งบริษัทเวชภัณฑ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก คือบริษัทไฟเซอร์ พีแอลซี
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพนั้น หุ้นอเล็กเซียน ฟาร์มาซูติคอล พุ่งขึ้น 2.5% และหุ้นไมแลน ปรับขึ้น 2.6%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ บวก 1.8% และหุ้นทิฟฟานี แอนด์ โค ปรับขึ้น 1.9%
หุ้นกลุ่มที่เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวดีดตัวขึ้น หลังจากที่หุ้นดังกล่าวร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันก่อน อันเนื่องมาจากข่าวรัฐบาลสหรัฐประกาศเตือนชาวอเมริกันให้ระวังภัยก่อการร้ายทั่วโลก โดยหุ้นเอ็กซ์พีเดีย ซึ่งเป็นผู้ให้บริการท่องเที่ยวทางออนไลน์ ดีดตัวขึ้น 1.9% หุ้นแมร์ริออต อินเตอร์เนชันแนล และหุ้นคาร์นิวัล ต่างก็ปรับตัวขึ้นกว่า 1.2%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 12,000 ราย สู่ระดับ 260,000 ราย และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ที่ระดับ 270,000 ราย นับเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าตลาดแรงงานยังคงมีความแข็งแกร่ง
ขณะที่กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนต.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่ายอดขายบ้านมีแนวโน้มทำสถิติพุ่งขึ้นมากที่สุดในปีนี้ นับตั้งแต่ปี 2007 โดยกระทรวงระบุว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 10.7% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 495,000 ยูนิต
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐปรับตัวขึ้นในเดือนต.ค. โดยบ่งชี้ถึงอุปสงค์สำหรับสินค้าในภาคการผลิต โดยกระทรวงระบุว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 3% ในเดือนต.ค. เทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8% อย่างไรก็ตาม ภาวะการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการซื้อขายก่อนที่จะถึงวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย. เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะกลับมาเปิดทำการซื้อขายตามปกติในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.