ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,798.49 จุด ลดลง 14.90 จุด หรือ -0.08% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,127.52 จุด เพิ่มขึ้น 11.38 จุด หรือ +0.22% ดัชนี S&P500 ปิดที่ระดับ 2,090.11 จุด เพิ่มขึ้น 1.24 จุด หรือ +0.06%
ตลอดทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงทั้งสิ้น 0.1% ขณะที่ดัชนี S&P 500 ขยับลงไม่ถึง 0.1% และดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้น 0.4%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ อันเนื่องมาจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานที่สูงเกินไป โดยหุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี และหุ้นคอนโซล เอนเนอร์จี ต่างก็ร่วงลงกว่า 6.5%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวลง โดยหุ้นแก๊ป อิงค์ ร่วงลงไปกว่า 9% หุ้นซิกเน็ท จิวเวลเลอร์ หุ้นเกมสต็อป และหุ้นเบสท์บาย ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 1.4%
ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพปรับตัวขึ้น โดยหุ้นอิลลูมินา และหุ้นเอ็นโด อินเตอร์เนชันแรล ปรับตัวขึ้นกว่า 2.1% ขณะที่หุ้นทาเน็ท เฮลธ์แคร์ ปรับขึ้นอย่างน้อย 0.8%
นักวิเคราะห์กล่าวว่า แม้ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ แต่ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันหลังจาก Adobe Digital Index เปิดเผยตัวเลขเบื้องต้นว่า ยอดการใช้จ่ายในช่วงวันหยุดขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐอยู่ที่ 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ปรับตัวเพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
นักลงทุนจับตาดูการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากที่ ECB ส่งสัญญาณอย่างชัดเจนเมื่อเดือนที่แล้ว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันที่ 4 ธ.ค. หลังจากที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค. พุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง