ณ เวลา 21.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,722.00 จุด ลบ 10.56 จุด หรือ 0.08%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นในวันนี้ ตามราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภค และธุรกิจสุขภาพอ่อนตัวลง
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นกว่า 1% ในวันนี้ ขานรับรายงานข่าวที่ว่า ซาอุดิอาระเบียเตรียมเสนอให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ลดกำลังการผลิตน้ำมันในปีหน้าเพื่อสร้างเสถียรภาพต่อราคาน้ำมัน
ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวระบุว่า โอเปกจะลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า ถ้าหากกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก เช่น รัสเซีย เม็กซิโก โอมาน และคาซัคสถาน ยืนยันที่จะร่วมกันปรับลดกำลังการผลิตเช่นกัน
ทางด้าน ECB ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาในวันนี้ แต่ตลาดพิจารณาว่าไม่มากเท่ากับที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้
นักลงทุนมองว่า ECB ไม่ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากมากเท่ากับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และจากการที่นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เลือกที่จะขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แทนที่จะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรรายเดือน
นายดรากีประกาศขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรไปจนถึงเดือนมี.ค.2560 จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในเดือนก.ย.2559 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อเข้าใกล้ระดับ 2% ตามเป้าหมายของ ECB
นอกจากนี้ นายดรากียังระบุว่า ECB จะพิจารณาขยายระยะเวลาในการซื้อพันธบัตรออกไปอีก หากมีความจำเป็น
ECB ระบุในช่วงต้นปีนี้ว่า จะซื้อพันธบัตรมูลค่า 6 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน จนถึงเดือนก.ย.2559 โดยเริ่มต้นในเดือนมี.ค.2558 คิดเป็นวงเงินรวม 1.1 ล้านล้านยูโร
ขณะเดียวกัน ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ที่ระดับ 0.05% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ในการประชุมวันนี้
นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.3% จากเดิมที่ -0.2% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB
อย่างไรก็ดี การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของ ECB น้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะมีการปรับลดลงสู่ระดับ -0.4%