ขณะเดียวกัน การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันในวันนี้ ก็ได้สร้างความคึกคักในตลาด
ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการเมื่อวานนี้ เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์
ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 16,131.79 จุด เพิ่มขึ้น 143.75 จุด หรือ 0.92%
หุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้นในวันนี้ นำโดยเจพีมอร์แกน และโกลด์แมน แซคส์
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2558 ขยายตัว 6.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2533 หรือในรอบ 25 ปี และชะลอลงจากอัตรา 7.3% ในปี 2557
สำหรับในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2558 GDP จีนขยายตัว 6.8% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากไตรมาส 3 ที่เติบโต 6.9%
NBS ระบุว่า GDP ของจีนในปี 2558 มีมูลค่า 67.67 ล้านล้านหยวน (ราว 10.3 ล้านล้านดอลลาร์) โดยภาคบริการคิดเป็นสัดส่วน 50.5% ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีสัดส่วนสูงกว่า 50%
ขณะที่ยอดค้าปลีกของจีนในเดือนธ.ค.ขยายตัว 11.1% เมื่อเทียบรายปี ส่วนในปี 2558 ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 10.7% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอลงจากอัตรา 12% ในปี 2557
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ขยายตัว 5.9% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 6.2%
หากเทียบเป็นรายเดือนพบว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค.ขยับขึ้นเพียง 0.41% ชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่ขยายตัว 0.58%
ธนาคารแบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ รายงานผลกำไรเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.34 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 หรือ 28 เซนต์/หุ้น เทียบกับ 3.05 พันล้านดอลลาร์ หรือ 25 เซนต์/ดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2014
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าแบงก์ ออฟ อเมริกา มีกำไร 26 เซนต์/หุ้นในไตรมาส 4
ส่วนรายได้ของธนาคารเพิ่มขึ้นสู่ 1.953 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 เทียบกับ 1.873 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปี 2014 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.982 หมื่นล้านดอลลาร์
มอร์แกน สแตนเลย์แถลงในวันนี้ว่า ทางธนาคารกลับมามีผลกำไรในไตรมาส 4 โดยอยู่ที่ระดับ 908 ล้านดอลลาร์ หรือ 39 เซนต์/หุ้น เทียบกับที่ขาดทุน 1.63 พันล้านดอลลาร์ หรือ 91 เซนต์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปี 2014
นอกจากนี้ มอร์แกน สแตนเลย์เปิดเผยว่า รายได้อยู่ที่ระดับ 7.74 พันล้านดอลลาร์ แทบไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงเดียวกันของปี 2014
ผลประกอบการของทางธนาคารได้รับแรงหนุนจากธุรกิจวาณิชธนกิจ และหลักทรัพย์ ขณะที่บริษัทย่านวอลล์สตรีทฝ่าฟันภาวะทรุดตัวของการซื้อขายในตลาดตราสารหนี้
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันนี้ หลังนักลงทุนมองว่าความวิตกเกี่ยวกับการกลับมาส่งออกน้ำมันของอิหร่าน เป็นความวิตกที่มากเกินไป
ณ เวลา 19.14 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 3.74% สู่ระดับ 31.08 ดอลลาร์/บาร์เรล