ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวขึ้น 1.53% ปิดที่ 331.54 จุด ขณะที่ทั้งสัปดาห์ ดัชนีปรับตัวขึ้น 1.6%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดบวก 66.12 จุด หรือ 1.56% ที่ระดับ 4,314.57 ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันพุ่งขึ้น 181.82 จุด หรือ 1.95% ปิดที่ 9,513.30 จุด ดัชนี FTSE 100 ปิดบวก 83.20 จุด หรือ 1.38% ที่ 6,096.01 จุด
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นยุโรปเป็นไปอย่างคึกคักต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดีที่ดัชนีดีดตัวขึ้น 2% โดยตลาดได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มน้ำมันและพลังงานที่พุ่งขึ้นกว่า 3% หลังราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นราว 1% ในการซื้อขายระหว่างวัน ท่ามกลางความคาดหวังที่ว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะสามารถจับมือกันผลักดันราคาให้ดีดตัวขึ้น หลังจากที่นายยูโลจิโอ เดล ปิโน รัฐมนตรีกระทรวงน้ำมันและเหมืองแร่ของเวเนซูเอล่าเปิดเผยว่า เวเนซูเอล่าจะเข้าร่วมประชุมกับรัสเซีย ซาอุดิอาระเบีย และกาตาร์ ในช่วงกลางเดือนมี.ค. โดยมีเป้าหมายที่จะหารือกันเกี่ยวกับแนวทางการสร้างเสถียรภาพราคาน้ำมัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า จีนยังคงมีช่องทางและเครื่องมือต่างๆมากขึ้นในการใช้นโยบายการเงินเพื่อรับมือกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันมีกระแสคาดการณ์ว่า ECB อาจผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในเดือนหน้า หลังเงินเฟ้อเยอรมนีร่วง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) เปิดเผยในวันศุกร์ว่า อัตราเงินเฟ้อจากดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเยอรมนีร่วงลงสู่ระดับ 0% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน อันเนื่องมาจากการดิ่งลงถึง 8.5% ของราคาพลังงาน ส่งผลให้มีการคาดการณ์กันว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะทำการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมในการประชุมเดือนหน้าเพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อ
นอกจากนี้ หากวัดด้วยดัชนี harmonized consumer price index (HICP) เพื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆในยูโรโซน พบว่า อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีปรับตัวลงสู่แดนลบ หลังจากช่วงเวลาเกือบ 6 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนี HICP ของเยอรมนีปรับตัวลงสู่ระดับ -0.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2558