ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 16,516.50 จุด ร่วงลง 123.47 จุด หรือ -0.74% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,557.95 จุด ลดลง 32.52 จุด หรือ -0.71% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,932.23 จุด ลดลง 15.82 จุด หรือ -0.81%
ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการและเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวันจนกระทั่งตลาดปิดทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของตลาดหุ้นจีน โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดร่วงลง 2.86% และหลังจากตลาดหุ้นจีนปิดทำการแล้ว ธนาคารกลางจีนประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ (RRR) ลง 0.5% สู่ระดับ 17% สำหรับธนาคารขนาดใหญ่ โดยมีผลบังคับใช้ในวันนี้ (1 มี.ค.)
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐนับเป็นสาเหตุสำคัญที่ส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 2.5% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 106 ในเดือนม.ค. โดยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศหนาว, สต็อกบ้านที่มีอยู่จำกัด และราคาบ้านที่พุ่งสูง
ขณะที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเขตชิคาโก หดตัวลงสู่ระดับ 47.6 ในเดือนก.พ. โดยรับผลกระทบจากคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับตัวลง
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงแม้ราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ก็ตาม โดยหุ้นเซาเทิร์น เอนเนอร์จี ดิ่งลง 9.4% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.1% และหุ้นอาปาเช คอร์ป ดิ่งลง 3.2%
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มธุรกิจเพื่อสุขภาพร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ต่างก็ปรับตัวลงอย่างน้อย 2.1% ส่วนหุ้นธุรกิจเพื่อสุขภาพนั้น หุ้นแอมเจน อิงค์ ร่วงลง 3.6% และหุ้นเอ็นโด อินเตอร์เนชันแนล ทรุดฮวบลง 21%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ รวมถึงดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดการใช้จ่ายด้านก่อสร้างเดือนม.ค.