ดาวโจนส์ร่วง หลังราคาน้ำมันดิ่งกว่า 1% นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานพรุ่งนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 3, 2016 21:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ โดยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่นักลงทุนรอการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานในวันพรุ่งนี้

ณ เวลา 21.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 16,874.73 จุด ลดลง 25.16 จุด หรือ 0.16%

อย่างไรก็ดี ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน

หุ้นกลุ่มธุรกิจดูแลสุขภาพร่วงลง แต่กลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นสวนทางตลาด

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงกว่า 1% ในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด

ณ เวลา 21.47 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 35 เซนต์ หรือ 1.01% สู่ระดับ 34.31 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ สต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้น 10.4 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 518 ล้านบาร์เรล โดยทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 3.6 ล้านบาร์เรล

สำหรับสต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบน้ำมัน เพิ่มขึ้น 1.2 ล้านบาร์เรล สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ด้านสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 1.1 ล้านบาร์เรล

ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาร์เรล เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้ การที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลกยังไม่มีการดำเนินการใดๆที่เป็นรูปธรรมในการจำกัดกำลังการผลิต ก็ได้ทำให้ราคาชะลอตัวลง หลังจากพุ่งขึ้นก่อนหน้านี้

กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันพรุ่งนี้

ผลการสำรวจนักวิเคราะห์ระบุว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 190,000 ตำแหน่ง โดยเพิ่มขึ้นจากระดับ 151,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. ขณะที่คาดว่าอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ