ดาวโจนส์พุ่งต่อกว่า 200 จุด จากปัจจัยหุ้นยุโรปพุ่ง,น้ำมันทะยาน

ข่าวหุ้น-การเงิน Saturday March 12, 2016 00:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งต่อเนื่องกว่า 200 จุดในวันนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการทะยานขึ้นของราคาน้ำมันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี และการดีดตัวของตลาดหุ้นยุโรปขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ณ เวลา 00.34 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,208.83 จุด เพิ่มขึ้น 213.70 จุด หรือ 1.26%

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวนำตลาดวันนี้

เมื่อพิจารณาทั้งสัปดาห์ ดัชนีดาวโจนส์สามารถปรับตัวขึ้น และดีดตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกัน

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวขึ้นกว่า 2% ในวันนี้ จากกระแสเงินทุนที่หลั่งไหลเข้าตลาดน้ำมัน และจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยในวันนี้ว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาน้ำมันได้แตะจุดต่ำสุดแล้ว

ณ เวลา 21.48 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 96 เซนต์ หรือ 2.54% สู่ระดับ 38.80 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) เปิดเผยในวันนี้ว่า มีสัญญาณบ่งชี้ว่าราคาน้ำมันได้แตะจุดต่ำสุดแล้ว

อย่างไรก็ดี IEA ระบุเตือนว่า การฟื้นตัวของราคาน้ำมันในช่วงไม่กี่วันนี้จากระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ไม่ได้หมายความว่าราคาจะดีดตัวขึ้นอย่างยั่งยืนในระยะสั้น

ทั้งนี้ ในรายงานภาวะตลาดน้ำมันรายเดือน IEA เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำมันได้ลดลง 180,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนก.พ. ขณะที่อุปสงค์ชะลอตัวอย่างมาก โดยเฉพาะในสหรัฐและจีน

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ดีดตัวขึ้นเหนือระดับ 40 ดอลลาร์/บาร์เรลในวันนี้ หลังจากแตะระดับ 28.50 ดอลลาร์/บาร์เรลในเดือนม.ค. จากที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 100 ดอลลาร์ในปี 2014

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนเข้าซื้อน้ำมันขณะที่มีราคาถูกเพื่อนำเข้ากักเก็บในคลังสำรอง ขณะที่ปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินของจีนได้พุ่งขึ้นตามยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้น

ดัชนี STOXX 600 ของตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้น 2.2% ในวันนี้ นำโดยหุ้นกลุ่มธนาคาร

ECB จัดการประชุมนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ โดยที่ประชุมมีมติลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตร สู่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 0.05% ก่อนหน้านี้

ECB ยังได้ลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB สู่ระดับ -0.4% จากเดิมที่ -0.3% ซึ่งหมายความว่าธนาคารพาณิชย์จะต้องจ่ายค่าฝากแก่ ECB หากมีการนำเงินส่วนเกินมาพักไว้ที่ ECB ซึ่งมาตรการดังกล่าวของ ECB มีขึ้นเพื่อสนับสนุนให้ธนาคารพาณิชย์นำเงินไปปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ แทนที่จะนำมาพักไว้ที่ ECB

นอกจากนี้ ECB ยังได้ประกาศเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) สู่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน จากเดิมที่ 6 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยจะรวมถึงการซื้อหุ้นกู้ภาคเอกชนที่ไม่ใช่ธนาคารด้วย

ขณะเดียวกัน ECB จะจัดการปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ภาคธนาคารเพื่อนำไปปล่อยกู้ต่อภาคธุรกิจมากขึ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ