ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พักฐานวันนี้ หลังเสร็จสิ้นการประชุมเฟดวานนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 17, 2016 20:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวลงในวันนี้ หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้

ณ เวลา 20.23 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 20 จุด หรือ 0.12% สู่ระดับ 17,216 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวก 0.43% เมื่อคืนนี้ โดยนักลงทุนขานรับเฟดที่มีมติคงอัตราดอกเบี้ย และได้ลดคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ลงเหลือเพียง 2 ครั้ง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นกว่า 5%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งใหม่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 265,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 มี.ค. หลังจากแตะระดับต่ำสุด ในรอบ 5 เดือนในสัปดาห์ก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 268,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้อยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 54 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973

ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 750 ราย สู่ 268,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องมีจำนวนเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 2.24 ล้านราย ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค.

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง 3.6% ในไตรมาส 4 สู่ระดับ 1.253 แสนล้านดอลลาร์

ทางกระทรวงยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขขาดดุลในไตรมาส 3 สู่ระดับ 1.299 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 1.241 แสนล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 4 ลดลงสู่ระดับ 1.189 แสนล้านดอลลาร์

สำหรับในปีที่แล้ว สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ระดับ 4.841 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008

การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 4 เทียบเท่ากับ 2.8% ของจีดีพี โดยลดลงจาก 2.9% ในไตรมาส 3


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ