ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ โดยวอลล์สตรีทย่อตัวลง หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เมื่อวานนี้
ณ เวลา 20.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,303.27 จุด ลดลง 21.81 จุด หรือ 0.13% หลังจากวานนี้ปิดบวก 0.43%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาดวันนี้ ตามราคาน้ำมันที่ยังคงดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลง
หากดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนบวกวันนี้ ก็จะเป็นการปรับตัวขึ้น 5 วันติดต่อกัน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งใหม่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 265,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 12 มี.ค. หลังจากแตะระดับต่ำสุด ในรอบ 5 เดือนในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 268,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้อยู่ต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นสัปดาห์ที่ 54 ติดต่อกัน ซึ่งยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 1973
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 750 ราย สู่ 268,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับจำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องมีจำนวนเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 2.24 ล้านราย ในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 5 มี.ค.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดลดลง 3.6% ในไตรมาส 4 สู่ระดับ 1.253 แสนล้านดอลลาร์
ทางกระทรวงยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขขาดดุลในไตรมาส 3 สู่ระดับ 1.299 แสนล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 1.241 แสนล้านดอลลาร์
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 4 ลดลงสู่ระดับ 1.189 แสนล้านดอลลาร์
สำหรับในปีที่แล้ว สหรัฐมีตัวเลขขาดดุลบัญชีเดินสะพัดอยู่ที่ระดับ 4.841 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008
การขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 4 เทียบเท่ากับ 2.8% ของจีดีพี โดยลดลงจาก 2.9% ในไตรมาส 3