ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงในวันนี้ ซึ่งเป็นวันแรกของเดือนเม.ย. และเป็นวันทำการวันแรกของไตรมาส 2 โดยถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่สูงเกินคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันที่ทรุดกว่า 3% ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ถ่วงความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ณ เวลา 20.35 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,568.02 จุด ดิ่งลง 112.93 จุด หรือ 0.64%
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงในวันนี้หนักที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคดีดตัวขึ้น
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ทรุดกว่า 3% หลุดระดับ 37 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่แกร่งเกินคาด ซึ่งบ่งชี้โอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในเดือนนี้จะสามารถแก้ไขปัญหาน้ำมันล้นตลาด
ณ เวลา 20.20 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนพ.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ร่วงลง 1.4 ดอลลาร์ หรือ 3.65% สู่ระดับ 36.94 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐดีดตัวขึ้นในวันนี้ หลังมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐที่สูงเกินคาด ซึ่งบ่งชี้โอกาสมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
ทั้งนี้ ราคาสัญญาอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นขณะนี้ได้ปรับตัวรับโอกาสที่มากกว่าค่าเฉลี่ยที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้บ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค.
กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นมากเกินคาด โดยอยู่ที่ระดับ 215,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่อัตราการว่างงานขยับขึ้น 0.1% แตะระดับ 5.0% หลังจากทรงตัวที่ 4.9% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปี หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2008
อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นในเดือนมี.ค. โดยปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เดือนพ.ค.2015
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 205,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และอัตราการว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 4.9%
ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 20,000 ตำแหน่ง
นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ทบทวนปรับลดตัวเลขการจ้างงานในเดือนม.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 168,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 172,000 ตำแหน่ง และทบทวนปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.พ. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 245,000 ตำแหน่ง จากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 242,000 ตำแหน่ง
ขณะเดียวกัน ตัวเลขรายได้ต่อชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่เมื่อเทียบรายปีเพิ่มขึ้น 2.3% เพิ่มขึ้นจากระดับ 2.2% ในเดือนก.พ.
ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 63.0% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2014 จากระดับ 62.9% ในเดือนก.พ.