ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ดีดตัวขึ้น หลังจากมีรายงานว่าการผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ขณะที่นักลงทุนจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค
เมื่อเวลา 07.20 น.ตามเวลานิวยอร์ก ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าปรับตัวขึ้น 28 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 17,501 จุด และดัชนี S&P500 ล่วงหน้า ปรับขึ้น 0.3% แตะที่ 2,039.75 จุด
ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าดีดตัวขึ้น หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นกว่า 0.5% ในการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกในวันนี้ ภายหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) คาดการณ์ว่า การผลิตน้ำมันจาก 7 บริษัทผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดานของสหรัฐ จะลดลง 114,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือนพ.ค. จากสถิติของเดือนเม.ย.
หุ้นอัลโค อิงค์ ร่วงลง 3.7% หลังจากอัลโค อิงค์ ผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของสหรัฐ เปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาสแรกปีนี้ ทรุดฮวบลง 92% สู่ระดับ 16 ล้านดอลลาร์ จากไตรมาสแรกของปีที่แล้วที่ระดับ 195 ล้านดอลลาร์ โดยมีสาเหตุมาจากราคาอลูมิเนียมที่ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้ อัลโค อิงค์ ยังได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของตลาดเครื่องบิน โดยคาดว่าจะขยายตัวราว 6%-8% เทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 8%-9%
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยในเวลา 19.30 น.ตามเวลาไทย ทางการสหรัฐจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค.
สำหรับบริษัทที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึงเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค, ซิตี้กรุ๊ป และแบล็คร็อค อิงค์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูการแสดงความคิดเห็นของนายแพทริค ฮาร์เกอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย, นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟดสาขาริชมอนด์ ในวันนี้ เพื่อจับสัญญาณว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อใด