ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 เม.ย.) เนื่องจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้หนุนหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นด้วย โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเหนือระดับ 42 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าการคาดการณ์
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.4% ปิดที่ 350.74 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ปีนี้ ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,591.92 จุด เพิ่มขึ้น 25.44 จุด หรือ +0.56% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,421.29 จุด เพิ่มขึ้น 71.70 จุด หรือ +0.69% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,410.26 จุด เพิ่มขึ้น 4.91 จุด หรือ +0.08%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 42 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 4% หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. สู่ระดับ 538.6 ล้านบาร์เรล โดยตัวเลขดังกล่าวน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.4 ล้านบาร์เรล
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่ดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปรับขึ้น 0.7% หุ้นทุลโลว์ ออยล์ พุ่งขึ้น 5.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ขยับขึ้น 0.2% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 5.2% และหุ้นเฟรสนิลโล ปรับขึ้น 3.1%
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงกดดันในระหว่างวัน หลังจากรัฐบาลเยอรมนีประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจสำหรับปี 2560 อันเนื่องจากความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก
ทั้งนี้ นายซิกมาร์ กาเบรียล รมว.เศรษฐกิจของเยอรมนี กล่าวว่า รัฐบาลได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้าสู่ระดับ 1.5% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนต.ค.ปีที่แล้วที่ระดับ 1.8% ส่วนการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ยังคงอยู่ที่ระดับ 1.7%