ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 พ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงยอดการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมี.ค.ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 8 ปี นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทอเมซอน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,891.16 จุด พุ่งขึ้น 117.52 จุด หรือ +0.66% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,817.59 จุด เพิ่มขึ้น 42.23 จุด หรือ +0.88% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,081.43 จุด เพิ่มขึ้น 16.13 จุด หรือ +0.78%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นหลังจากมีข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเดือนมี.ค.ปรับตัวขึ้น 0.3% แตะที่ระดับสูงสุดในรอบ 8 ปีครึ่ง
ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย.ของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 50.8 ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจากระดับ 51.8 ในเดือนมี.ค. แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มการเงิน โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา และหุ้นเวลส์ ฟาร์ โก ต่างก็ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.2% หุ้นอีเทรด ไฟแนนเชียล พุ่งขึ้น 2.1% หุ้นแคปิตอล วัน ไฟแนนเชียล ปรับขึ้น 1.3% และหุ้นคีคอร์ป พุ่งขึ้น 1.35%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทอเมซอน โดยหุ้นอเมซอนพุ่งขึ้น 3.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 513 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.07 ดอลลาร์/หุ้น และยอดขายอยู่ที่ 2.913 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทประสบภาวะขาดทุน 12 เซนต์/หุ้น ขณะที่มียอดขาย 2.272 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวผันผวน หลังจากราคาน้ำมันดิบร่วงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน และหุ้นไดมอนด์ ออฟชอร์ ปรับตัวขึ้นอย่างน้อย 1.2% แต่หุ้นเซาท์เวสเทิร์น เอนเนอร์จี ดิ่งลง 4.7% และหุ้นเฮลเมริช แอนด์ ไพน์ ร่วงลง 4.6%
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันศุกร์นี้ โดยตัวเลขดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่สามารถบ่งชี้การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)