ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (3 พ.ค.) จากการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ เพราะได้รับแรงกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของภาคการผลิตอังกฤษ
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวลง 56.30 จุด หรือ 0.90% แตะที่ 6,185.59 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงกดดันจากผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหราชอาณาจักรอยู่ที่ระดับ 49.2 ในเดือนเม.ย. ร่วงลงจาก 50.7 ในเดือนมี.ค. โดยหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี สวนทางการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่คาดการณ์ว่าจะขยายตัวแตะ 51.2
ดัชนีที่สูงกว่า 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตมีการขยายตัวจากเดือนก่อนหน้า แต่หากดัชนีต่ำกว่า 50 จะแสดงให้เห็นถึงภาวะหดตัว
มาร์กิต เปิดเผยว่า บริษัทในภาคการผลิตได้มีการปรับลดจำนวนพนักงานราว 20,000 ตำแหน่งในไตรมาสที่ผ่านมา
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวลดลง นำโดยหุ้นแองโกล อเมริกัน และหุ้นริโอ ทินโต ในขณะที่หุ้นเอเบอดีน แอสเสท แมเนจเมนท์ ลดลง 4.6% หลังเปิดเผยว่าบริษัทยังคงมีกระแสเงินสดไหลออกอย่างต่อเนื่อง
หุ้นเอสเอชบีซี โฮลดิ้งส์ เพิ่มขึ้น 1.2% แม้ว่าเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ เปิดเผยกำไรก่อนหักภาษีในไตรมาสแรกปีนี้ อยู่ที่ 5.4 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 18% เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกปีที่แล้ว