ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค. ) ขานรับรายงานที่ว่ารัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้เริ่มการเจรจาครั้งใหม่กับกรีซ หลังจากที่รัฐสภากรีซได้ให้การอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวขึ้นของราคาน้ำมัน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับขึ้น 0.9% ปิดที่ 336.24 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,338.21 จุด เพิ่มขึ้น 15.40 จุด หรือ +0.36% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,045.44 จุด เพิ่มขึ้น 64.95 จุด หรือ +0.65% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,156.65 จุด เพิ่มขึ้น 41.84 จุด หรือ +0.68%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงหนุนหลังจากมีรายงานว่า รัฐมนตรีคลังยูโรโซนได้เริ่มการเจรจาครั้งใหม่กับกรีซ หลังจากที่ให้การอนุมัติมาตรการรัดเข็มขัดรอบใหม่
ทั้งนี้ นางแอนนิกา ไบรด์ทาร์ด โฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า EC จะให้ความช่วยเหลือในการเจรจาลดหนี้ให้แก่กรีซ และสรุปการทบทวนการดำเนินมาตรการตามข้อตกลงในการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน ก่อนที่กรีซจะได้รับเงินกู้งวดต่อไป
นายเจอโรน ดิจเซลโบลม ประธานยูโรกรุ๊ป กล่าวว่า ยูโรกรุ๊ปพอใจกับมาตรการรัดเข็มขัดของทางการกรีซ ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเปิดทางสู่การรับเงินช่วยเหลืองวดใหม่และชำระหนี้แก่กลุ่มเจ้าหนี้ตามกำหนดการในเดือนมิ.ย.นี้ โดยยูโรกรุ๊ป คาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกับกรีซได้ในวันที่ 24 พ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดประชุมครั้งต่อไป
ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากมีรายงานว่า เหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียส่งผลให้ผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี และยังทำให้คนงานบริษัทน้ำมันต้องอพยพออกจากพื้นที่
หุ้นเครดิตสวิส พุ่งขึ้น 5% หลังจากธนาคารเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 302 ล้านฟรังก์สวิส (273.14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ตาม ยอดขาดทุนดังกล่าวยังน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หุ้นโฟล์สวาเกนปรับตัวขึ้น 4% เนื่องจากนักลงทุนเริ่มมีความหวังว่าโฟล์คสวาเกนจะสามารถคลี่คลายปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หลังจากที่ทางบริษัทและกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงในหลักการเพื่อแก้ไขปัญหารถยนต์ดีเซลที่มีการโกงการตรวจจับมลพิษในไอเสียจำนวนเกือบ 6 แสนคัน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของเยอรมนี (Destatis) รายงานว่า การส่งออกของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.พ. โดยเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เพราะได้แรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในยุโรป