ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (11 พ.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ รวมถึงวอลท์ดิสนีย์ และเมซีย์ อิงค์ เปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด โดยข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปสงค์ผู้บริโภค และยังได้บดบังปัจจัยบวกจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,711.12 จุด ร่วงลง 217.23 จุด หรือ -1.21% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,760.69 จุด ลดลง 49.19 จุด หรือ -1.02% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 2,064.46 จุด ลดลง 19.93 จุด หรือ -0.96%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ และเคลื่อนตัวผันผวนตลอดทั้งวันจนกระทั่งปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเมื่อวานนี้ วอลท์ ดิสนีย์ เปิดเผยว่า กำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกปีนี้อยู่ที่ 1.30 ดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 1.40 ดอลลาร์ ขณะที่รายได้สุทธิอยู่ที่ 1.297 หมื่นล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 1.319 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่น่าผิดหวังดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้นวอลท์ดิสนีย์ร่วงลง 4.04%
ส่วนหุ้นเมซีย์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 15.17% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาสแรกอยู่ที่ 37 เซนต์ ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
หุ้นโฮมดีโปท์ ร่วงลง 40.69% และหุ้นสแทปเพิลส์ ร่วงลง 18.34% หลังจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐมีคำสั่งให้ทั้งสองบริษัทยกเลิกแผนการควบรวมกิจการ เพราะกังวลว่าจะส่งผลให้ศักยภาพด้านการแข่งขันในตลาดลดน้อยลง
นอกจากนี้ ราคาหุ้นของบริษัทค้าปลีกรายอื่นๆ เช่น เจซี เพนนี, นอร์ดสตร็อม อิงค์ และฟอสซิล กรุ๊ป ยังร่วงลงหลังจากบริษัทเหล่านี้เปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่เช่นกัน
ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ ได้สกัดปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งถึง 3.5% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองดีดตัวขึ้นเพราะได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของราคาน้ำมัน โดยหุ้นมาราธอน ออยล์ และหุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ต่างก็พุ่งขึ้นอย่างน้อย 3.1% ขณะที่หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ผู้ประกอบการเหมืองทองแดงรายใหญ่ พุ่งขึ้น 6.9%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้ ทางการสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน