ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ แต่สามารถดีดตัวสู่แดนบวกในเวลาต่อมา โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขค้าปลีกที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐ
ณ เวลา 20.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,725.60 จุด บวก 6.06 จุด หรือ 0.05%
ดัชนีดาวโจนส์มีแนวโน้มร่วงลงในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้นในวันนี้ สวนทางกลุ่มพลังงานที่ดิ่งลงตามราคาน้ำมัน
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ร่วงลงกว่า 1% ในวันนี้ หลังจากปรับตัวขึ้น 3 วันติดต่อกัน ซึ่งทำให้นักลงทุนส่งแรงเทขายทำกำไร ขณะที่การแข็งค่าของดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด
อย่างไรก็ดี การผลิตน้ำมันในไนจีเรียที่ยังคงประสบภาวะชะงักงันก็ได้ช่วยจำกัดช่วงขาลงของตลาด
ณ เวลา 20.01 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 64 เซนต์ หรือ 1.37% สู่ระดับ 46.06 ดอลลาร์/บาร์เรล
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน บวก 0.18% สู่ระดับ 94.332 ในวันนี้ หลังพุ่งแตะระดับ 94.442 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 เม.ย. โดยได้แรงหนุนจากการคาดหวังที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังคงมีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 1.3% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากยอดขายรถยนต์
ก่อนหน้านี้ ยอดค้าปลีกร่วงลง 0.3% ในเดือนมี.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนเม.ย.
ยอดขายรถยนต์พุ่งขึ้น 3.2% ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีที่แล้ว หลังจากดิ่งลง 3.2% ในเดือนมี.ค.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และบริการอาหาร เพิ่มขึ้น 0.9% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมี.ค.