ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ในรอบ 4 วัน จากแรงหนุนของราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในปีนี้
ณ เวลา 20.50 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 17,824.46 จุด เพิ่มขึ้น 117.55 จุด หรือ 0.65%
หุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มการเงินดีดตัวนำตลาดวันนี้ ขณะที่กลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลงสวนทางตลาด
การพุ่งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ได้ช่วยลบช่วงติดลบทั้งหมดที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ในเดือนนี้
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังทำสถิติปรับตัวขึ้นช่วง 2 วัน (24-25 พ.ค.) มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 12-13 เม.ย.
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดีดตัวขึ้นในวันนี้ใกล้ระดับ 50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน โดยได้ปัจจัยบวกจากการคาดการณ์สต็อกน้ำมันสหรัฐที่ลดลง ซึ่งจะช่วยปรับสมดุลอุปทานในตลาด หลังเผชิญภาวะน้ำมันล้นตลาดก่อนหน้านี้
ณ เวลา 20.53 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX เพิ่มขึ้น 62 เซนต์ หรือ 1.28% สู่ระดับ 49.24 ดอลลาร์/บาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกัน (API) รายงานวานนี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 5.1 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 536.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันสหรัฐจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในคืนนี้ เพื่อยืนยันข้อมูลจาก API
นอกจากนี้ การเกิดไฟป่าในแคนาดา และเหตุรุนแรงในแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรีย ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ช่วยหนุนการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน
ตลาดจับตาคำพูดของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายในวันนี้ รวมทั้งการแถลงของนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ