ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (14 มิ.ย.) โดยตลาดปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เพราะได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า ชาวอังกฤษอาจจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 1.9% ปิดที่ 320.53 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,130.33 จุด ลดลง 96.69 จุด หรือ -2.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,519.20 จุด ลดลง 138.24 จุด หรือ -1.43% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,923.53 จุด ลดลง 121.44 จุด หรือ -2.01%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบติดต่อกัน 5 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ชาวอังกฤษจะลงประชามติสนับสนุนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า หากผลโหวตบ่งชี้ว่าอังกฤษตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป ก็จะเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดหุ้น
ผลสำรวจโดยหนังสือพิมพ์รายใหญ่ของอังกฤษระบุว่า จำนวจชาวอังกฤษที่เลือกสนับสนุนแคมเปญ "Leave" มีมากกว่าผู้สนับสนุนแคมเปญ "Remain" ซึ่งบ่งชี้ว่าชาวอังกฤษจำนวนมากต้องการให้สหราชอาณาจักรออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายและหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ พร้อมกับจับตาแถลงการณ์หลังการประชุมเพื่อหาทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นบังโค คอมเมอร์เชียล เปอร์ตุเกส เอสเอ ดิ่งลง 4.5% หุ้นบังโค ป๊อปปูเลร์ เอสพานอล ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ของสเปน ดิ่งลง 6.2% และหุ้นดอยช์แบงก์ของเยอรมนี ร่วงลง 2.9%
อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีประเภทอายุ 10 ปีร่วงลงต่ำกว่าระดับ 0% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์นั้น ถือเป็นสัญญาณเชิงลบต่อตลาด เนื่องจากบ่งชี้ว่านักลงทุนกำลังขาดความเชื่อมั่นต่อธนาคารกลางยุโรป (ECB)