ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 มิ.ย.) หลังจากนางเจเน็ต เยลเลน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความกังวลต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหากอังกฤษเลือกที่จะออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่ผลสำรวจล่าสุดระบุว่า จำนวนผู้สนับสนุน Brexit มีมากกว่าจำนวนผู้ที่ต้องการให้อังกฤษยังคงเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.7% ปิดที่ 321.29 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,153.01 จุด ลดลง 18.57 จุด หรือ -0.45% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,550.47 จุด ลดลง 56.24 จุด หรือ -0.59% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,950.48 จุด ลดลง 16.32 จุด หรือ -0.27%
ตลาดหุ้นยุโรปอ่อนแรงลงหลังจากนางเยลเลนกล่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินครั้งล่าสุดว่า การลงประชามติในสหราชอาณาจักรเพื่อตัดสินใจว่าจะออกจากสหภาพยุโรปหรือไม่ในสัปดาห์หน้านั้น ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เฟดตัดสินใจคงนโยบายการเงินในการประชุมครั้งนี้ พร้อมกับแสดงความกังวลว่า การตัดสินใจของอังกฤษในครั้งนี้จะมีผลอย่างมากต่อภาวะเศรษฐกิจและตลาดการเงินทั่วโลก
นายฌอง-คล้อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เตือนว่า การแยกตัวของอังกฤษจะก่อให้เกิดช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนครั้งใหญ่สำหรับอังกฤษและ EU ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) เตือนว่า หากชาวอังกฤษตัดสินใจแยกตัวจากสหภาพยุโรปในการลงประชามติวันที่ 23 มิ.ย. ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
ผลการสำรวจของ Ipsos MORI ระบุว่า จำนวนผู้ที่สนับสนุนให้อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.
ทั้งนี้ Ipsos MORI ได้ทำการสำรวจผู้ใหญ่ 1,257 คนทั่วอังกฤษในระหว่างวันที่ 11-14 มิ.ย. บ่งชี้ว่า ผู้มีสิทธิลงประชามติจำนวน 51% ต้องการออกจาก EU ขณะที่ 49% ต้องการอยู่ใน EU
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง โดยหุ้นเครดิต สวิส ดิ่งลง 1.4% หุ้นยูบีเอส กรุ๊ป ปรับลง 0.4% และหุ้นคอมเมิร์ซ แบงก์ ร่วงลง 2.3%
หุ้น Thyssenkrupp ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ของเยอรมนี ดิ่งลง 3.5% ขณะที่หุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วงลง 2.9%