ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกัน 2 วันทำการเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อผลกระทบหลังจากอังกฤษลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันหลังจาก สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) และฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษ อันเนื่องมาจากผลกระทบของ Brexit
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 17,140.24 จุด ร่วงลง 260.51 จุด หรือ -1.50% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,594.44 จุด ลดลง 113.54 จุด หรือ -2.41% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,000.54 จุด ลดลง 36.87 จุด หรือ -1.81%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกกระหน่ำขายอย่างหนัก โดยในระหว่างวันนั้น ดัชนี S&P 500 ร่วงหลุดแนวรับทางจิตวิทยาที่ระดับ 2,000 จุดเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อผลกระทบที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจทั่วโลก หลังจากอังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป
มอร์แกน สแตนลีย์ออกรายงานเตือนว่า เศรษฐกิจโลกอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยปีหน้า เนื่องจากจากผลกระทบ Brexit โดยระบุว่า ยุโรปเป็นคู่ค้ารายใหญ่กับสหรัฐและจีน ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบในระดับโลก และการแข็งค่าของดอลลาร์ก็ไม่เป็นผลดีต่ออุปสงค์น้ำมัน
ด้านโกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะเข้าสู่ภาวะ "ถดถอยเล็กน้อย" ในช่วงต้นปี 2560 เนื่องจากผลกระทบของ Brexit และได้รับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลง 0.1% มาอยู่ที่ระดับ 3.1%
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังได้รับแรงกดดันหลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือรายใหญ่ได้พากันลดอันดับเครดิตของอังกฤษ โดย S&P ประกาศบลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลง 2 ขั้น สู่ระดับ "AA" จากระดับ "AAA" พร้อมกับเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือต่อไป หลังจากที่มีการลงประชามติแยกตัวจากสหภาพยุโรปในสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขณะที่ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอังกฤษลงสู่ระดับ "AA" จากระดับ "AA+" พร้อมเตือนว่า อังกฤษอาจถูกปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก เนื่องจากผลพวงของ Brexit
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ดิ่งลง 3.3% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.7% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 6.3%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตวัตถุดิบร่วงลงเช่นกัน เนื่องจากความกังวลที่ว่าผลกระทบของ Brexit อาจทำให้ความต้องการวัตถุดิบทั่วโลกซบเซาลง โดยหุ้นดาว เคมิคอล และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 3.1%
หุ้นกลุ่มสายการบินปรับตัวลง โดยหุ้นเดลต้า แอร์ไลนส์ ดิ่งลง 5.2% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ส และหุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิงส์ ต่างก็ร่วงลงอย่างน้อย 6.5%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงด้วยเช่นกัน โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 2.8% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 2.8% หุ้นเวสเทิร์น ดิจิตอล ทรุดฮวบลงเกือบ 12% หุ้นแอปเปิล ปรับตัวลง 1.4%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ จีดีพีไตรมาส 1/59 ตัวเลขประมาณการครั้งสุดท้าย, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ไตรมาส 1/59, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย.โดย S&P/Case-Shiller และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิ.ย.