ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ค.) ในขณะที่นักลงทุนเบนความสนใจจากผลกระทบของ Brexit ไปจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญหลายอย่าง ก่อนที่จะถึงช่วงวันหยุดหลายวันติดต่อกันในสุดสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 19.38 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 17,949.37 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.09 จุด หรือ 0.19% ปิดที่ 2,102.95 จุด และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 19.90 จุด หรือ 0.41% ปิดที่ 4,862.57 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังมาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทสำรวจข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวสูงที่สุดในรอบ 3 เดือนในเดือนมิ.ย.
มาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของสหรัฐอยู่ที่ระดับ 51.3 ในเดือนมิ.ย. ลดลงเล็กน้อยจากตัวเลขเบื้องต้นที่ 51.4 แต่สูงกว่าระดับ 50.7 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2009
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนี PMI จะอยู่ที่ระดับ 51.4 ในเดือนมิ.ย.
ดัชนียังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของกิจกรรมทางด้านเศรษฐกิจ
ด้านผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ภาคการผลิตของสหรัฐมีการขยายตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีภาคการผลิตของ ISM อยู่ที่ระดับ 53.2% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2015 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 51.3% ในเดือนพ.ค.
การขยายตัวของดัชนี ISM ได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อใหม่ และการผลิต ขณะที่การจ้างงานได้ฟื้นตัวขึ้น หลังจากหดตัวในเดือนก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์เนื่องจากตรงกับวันชาติสหรัฐ
หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน อิงค์ พุ่งขึ้น 20% หลังแหล่งข่าวรายงานผ่านทางทวิตเตอร์ว่า บริษัทกำลังตกเป็นเป้าหมายของการซื้อกิจการ
หุ้นเนทฟลิกซ์ อิงค์ เพิ่มขึ้น 5.7% หลังนักวิเคราะห์ของบริษัทคานาคอร์ด เจนูอิตี้ แนะนำให้ซื้อหุ้นของบริษัท โดยระบุว่าถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตของยอดการสมัครสมาชิกในต่างประเทศของเนทฟลิกซ์จะชะลอตัวลงแต่ก็ยังมีความต่อเนื่อง