ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับเรื่องผลกระทบจากการที่อังกฤษลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรป (Brexit) ภายหลังจากที่สหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใส รวมทั้งการเปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC)
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 27,209.97 จุด เพิ่มขึ้น 43.10 จุด, +0.16% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 20,653.06 จุด เพิ่มขึ้น 157.77 จุด, +0.77% ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดทำการเนื่องในเทศกาลฮารีรายออีฏิ้ลฟิตริ
ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ภาคบริการของสหรัฐมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงาน และคำสั่งซื้อใหม่ที่ปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM อยู่ที่ระดับ 56.5 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากระดับ 52.9 ในเดือนพ.ค.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ประจำเดือนมิ.ย.เมื่อวานนี้ โดยรายงานระบุว่า คณะกรรมการเฟดเห็นพ้องกันว่าควรมีการชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป จนกว่าเฟดจะได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจาก Brexit
ทั้งนี้ เฟดประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 14-15 มิ.ย. ก่อนที่อังกฤษจะลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.
นอกจากนี้ เฟดยังได้ระบุถึงตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซาของสหรัฐว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เฟดตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยในเดือนที่แล้ว
สำหรับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ได้แก่ สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ประกาศลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของออสเตรเลีย ลงสู่ระดับเชิงลบ จากก่อนหน้านี้ที่ให้แนวโน้มความน่าเชื่อถือมีเสถียรภาพ ซึ่งหมายความว่า ออสเตรเลียมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AAA
แนวโน้มความน่าเชื่อถือเชิงลบของออสเตรเลียสะท้อนให้เห็นว่า เศรษฐกิจออสเตรเลียอาจมีการขยายตัวในอัตราที่ช้าลงเป็นเวลานานหลายปี หากไม่มีการตัดสินใจบังคับใช้นโยบายการคลังเชิงรุก และเดินหน้าลดยอดขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลอย่างจริงจังมากขึ้น