ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 11 เดือนคืนนี้ (11 ก.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ของอังกฤษระบุว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันพุธนี้ เพื่อปูทางให้นางเทเรซา เมย์ รมว.มหาดไทยอังกฤษ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สืบต่อจากเขา
ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 92.22 จุด หรือ 1.40% แตะที่ 6,682.86 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากนายคาเมรอนกล่าวว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันพุธนี้ เพื่อปูทางให้นางเทเรซา เมย์ รมว.มหาดไทยอังกฤษ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม และนายกรัฐมนตรีคนใหม่ สืบต่อจากเขา
นายคาเมรอนกล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่ปรากฎชัดแล้วว่า นางเมย์ได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคอนุรักษ์นิยมอย่างล้นหลาม และนางแอนเดรีย ลีดซัม รมว.พลังงาน ทำการตัดสินใจอย่างถูกต้องในการประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเมื่อวานนี้
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับปัจจัยหนุนจากกาคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางจีนจะผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของจีนชะลอตัวลง โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ ขยับขึ้นเพียง 1.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนพ.ค.ที่ขยายตัว 2% และเดือนเม.ย.ที่ขยายตัว 2.3%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นเกลนคอร์เพิ่มขึ้น 6.3% และหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 8.58% ในขณะที่หุ้นเฟรสนิลโลเพิ่มขึ้น 6.1%
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มเหมืองแร่มีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวตามทิศทางของเศรษฐกิจจีน เนื่องจากจีนเป็นประเทศผู้ซื้อรายใหญ่ของทั้งโลหะอุตสาหกรรมและโลหะมีค่า
หุ้นดิกซันส์ คาร์โฟน ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้น 1.2% หลังจากที่ร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ เนื่องจากถูกปรับลดน้ำหนักในการลงทุนโดยนักวิเคราะห์ของบริษัทบาร์เคลย์ส