ตลาดหุ้นยุโรปปิดพุ่งขึ้นติดต่อกัน 4 วันทำการเมื่อคืนนี้ (12 ก.ค.) โดยตลาดได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางชั้นนำทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่อังกฤษได้ลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 1.1% ปิดที่ 336.26 จุด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,331.38 จุด เพิ่มขึ้น 66.85 จุด หรือ +1.57% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 9,964.07 จุด พุ่งขึ้น 130.66 จุด หรือ +1.33% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,680.69 จุด ลดลง 2.17 จุด หรือ -0.03%
ตลาดหุ้นยุโรปยังคงได้รับปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจาก Brexit
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า คณะกรรมการ BOJ จะลงมติผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุมปลายเดือนนี้ และคาดว่าในการประชุม BoE วันพรุ่งนี้ มีโอกาสมากกว่า 70% ที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.5% และคาดว่าจะเพิ่มวงเงิน QE ขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์
นอกจากนี้ สถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มมีเสถียรภาพในอังกฤษยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวล หลังจากที่นางเทเรซา เมย์ ก้าวขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคพรรคอนุรักษ์นิยม และนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่ แทนนายเดวิด คาเมรอน ที่ประกาศลาออกไปก่อนหน้านี้
หุ้นเดมเลอร์ ผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 4.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2 และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2559
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นบาร์เคลย์ส พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นลอยด์ แบงกิง ปรับขึ้น 2.6%