ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในการซื้อขายภาคบ่ายวันนี้ เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งของประเทศญี่ปุ่น และกระแสการคาดการณ์ที่เข้มข้นขึ้นเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษในการประชุมวันพรุ่งนี้ ภายหลังจากที่นางเทเรซา เมย์ จะขึ้นทำหน้าที่หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและนายกรัฐมนตรีอังกฤษคนใหม่แทนที่นายเดวิด คาเมรอน วันนี้ ซึ่งช่วบคลี่คลายความกังวลทางด้านการเมือง
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียเปิดวันนี้ที่ 27,912.14 จุด เพิ่มขึ้น 104.00 จุด, +0.37% ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 21,335.53 จุด เพิ่มขึ้น 110.79 จุด, +0.52% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,653.15 จุด ลดลง 0.82 จุด, -0.05%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่ได้มีการเปิดเผยแล้วในวันนี้ ได้แก่ ยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ของจีนเพิ่มขึ้น 9.7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิ.ย. แตะ 1.523 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากที่ลดลง 1% ในเดือนพ.ค.
ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2559 FDI ซึ่งไม่รวมถึงการลงทุนในภาคการเงิน ปรับตัวขึ้น 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ 6.942 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่เพิ่มขึ้น 3.8% ในช่วง 5 เดือนแรก
นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นได้สั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ให้แล้วเสร็จภายในเดือนนี้ หลังจากที่พรรครัฐบาลซึ่งนำโดยพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันพฤหัสบดีที่ 14 ก.ค.นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า BoE อาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย หรืออาจเพิ่มวงเงินการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่อังกฤษได้ลงประชามติแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า มีโอกาสมากกว่า 70% ที่ BoE จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงสู่ระดับ 0.25% จากปัจจุบันที่ระดับ 0.5% และคาดว่าจะเพิ่มวงเงิน QE ขึ้นจากปัจจุบันที่ระดับ 3.75 แสนล้านปอนด์