ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทอินเทล คอร์ป นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของราคาน้ำมันและหุ้นกลุ่มสายการบิน ขณะเดียวกันนักลงทุนระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,517.23 จุด ลดลง 77.80 จุด หรือ -0.42% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,073.90 จุด ลดลง 16.03 จุด หรือ -0.31% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,165.17 จุด ลดลง 7.85 จุด หรือ -0.36%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากบริษัทจดทะเบียนบางแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง โดยบริษัทอินเทล คอร์ป เปิดเผยกำไรสุทธิในไตรมาส 2 อยู่ที่ 1.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 27 เซนต์ต่อหุ้น โดยตัวเลขดังกล่าวอยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ และได้ฉุดราคาหุ้นอินเทลร่วงลง 4%
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการที่ชะลอตัวลงในอุตสาหกรรมการบิน โดยหุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ดิ่งลง 11.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรที่น้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ส หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล และหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ต่างก็ปรับตัวลงกว่า 2.7%
หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ปรับตัวขึ้น 1.71% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ขณะที่หุ้นอีเบย์ และหุ้นควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 11% และ 7.4% ตามลำดับ หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบที่สูงกว่าคาด
ตลาดได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ตลาดนิวยอร์กปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายก่อนที่จะทราบผลการประชุมเฟดในวันที่ 27 ก.ค.ตามเวลาสหรัฐ และผลการประชุมบีโอเจในวันที่ 29 ก.ค.นี้
ผลสำรวจของนักวิเคราะห์บ่งชี้ว่า ที่ประชุมเฟดอาจจะส่งสัญญาณการชะลอขึ้นอัตราดอกเบี้ย ขณะเดียวกันมีรายงานว่ารัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงินอย่างน้อย 20 ล้านล้านเยน เพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด และป้องกันผลกระทบจากการที่อังกฤษแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนั้น กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน โดยลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 253,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 16 ก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
ขณะที่สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองในเดือนมิ.ย.พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 9 ปี โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2013