ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ โดยดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่ถูกกระทบจากการเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด และการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ไร้ทิศทาง
ณ เวลา 20.49 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,410.81 จุด ลดลง 45.20 จุด หรือ 0.24%
หุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น
นอกจากนี้ การร่วงลงของหุ้นเอ็กซอนโมบิล และการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน ได้กดดันตลาดในวันนี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) เบื้องต้นประจำไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 1.2% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.6%
การขยายตัวที่ซบเซาดังกล่าวได้รับผลกระทบจากสต็อกสินค้าคงคลังที่ลดต่ำลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2011 แต่การพุ่งขึ้นของการใช้จ่ายของผู้บริโภคช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ทางกระทรวงยังได้ปรับลดตัวเลขจีดีพีในไตรมาสแรก สู่ระดับ 0.8% หลังจากรายงานก่อนหน้านี้ว่ามีการขยายตัว 1.1%
ทั้งนี้ สต็อกสินค้าคงคลังในภาคธุรกิจมีมูลค่าลดลง 8.1 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ของปี 2011 หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.07 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก
การใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ช่วยหนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาส 2 โดยผู้บริโภคใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 4.2% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2014
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของภาคธุรกิจหดตัวลงเป็นไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นระยะเวลายาวนานที่สุดนับตั้งแต่ช่วงเศรษฐกิจถดถอยในปี 2007-2009
บริษัทเอ็กซอนโมบิล รายงานกำไรในไตรมาส 2 ดิ่งลงเกือบ 60% เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว หลังราคาน้ำมันปรับตัวลง และค่าการกลั่นอยู่ในระดับต่ำ
ทั้งนี้ เอ็กซอนโมบิลเปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรสุทธิ 41 เซนต์/หุ้น เทียบกับระดับ 1 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 64 เซนต์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้อยู่ที่ระดับ 5.7694 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ระดับ 7.411 หมื่นล้านดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ปรับตัวลงในวันนี้ หลุดระดับ 41 ดอลลาร์ โดยได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันที่ล้นตลาด และการเปิดเผยตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งจะลดความต้องการใช้น้ำมันในตลาด
ณ เวลา 20.33 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.ย. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 11 เซนต์ หรือ 0.27% สู่ระดับ 41.03 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากดิ่งแตะ 40.66 ดอลลาร์ก่อนหน้านี้ โดยเป็นการทรุดตัวลงทะลุระดับ 41 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเม.ย.
ราคาสัญญาน้ำมัน WTI ดิ่งลงราว 16% ในเดือนนี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายเดือนมากที่สุดในรอบ 1 ปี และขณะนี้ราคาน้ำมันได้ทรุดตัวลงราว 20% เมื่อเทียบจากระดับสูงสุดที่ทำไว้ในเดือนมิ.ย.
บริษัทยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) รายงานกำไรในไตรมาส 2 ที่สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่รายได้สูงกว่าคาด
ทั้งนี้ UPS เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรสุทธิ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น เทียบกับระดับ 1.35 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้อยู่ที่ระดับ 1.4629 หมื่นล้านดอลลาร์ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ระดับ 1.4095 หมื่นล้านดอลลาร์ และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.4625 หมื่นล้านดอลลาร์