ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) โดยหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนไม่มั่นใจต่อผลการสำรวจภาวะวิกฤต (stress test) ซึ่งจัดทำโดยธนาคารกลางยุโรป (ECB)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.6% ปิดที่ 339.86 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,330.52 จุด ลดลง 6.98 จุด หรือ -0.07% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,409.17 จุด ลดลง 30.64 จุด หรือ -0.69% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,693.95 จุด ลดลง 30.48 จุด หรือ -0.45%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นยูนิเครดิต หุ้นดอยช์แบงก์ และหุ้นบาร์เคลย์ส ต่างก็ร่วงลงกว่า 1.5%
สาเหตุที่ทำให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น มาจากความไม่มั่นใจเกี่ยวกับผลการทดสอบภาวะวิกฤตในครั้งนี้ โดยมองว่าไม่มีการทดสอบที่เข้มงวดเหมือนกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และไม่ได้ทดสอบสถานการณ์การที่สหราชอาณาจักรแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หรือภาวะที่มีการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบเป็นเวลานาน รวมทั้งธนาคารที่เข้าร่วมในการทดสอบก็มีจำนวนน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวน 123 แห่งที่เข้าทดสอบในปี 2014 โดยธนาคารจากกรีซและโปรตุเกสไม่ได้เข้าร่วมในการทดสอบครั้งนี้
ทั้งนี้ แม้ ECB ระบุว่า ธนาคารส่วนใหญ่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะสามารถต้านทานการทรุดตัวของเศรษฐกิจ และภาวะผันผวนในตลาดการเงิน แต่ ECB ก็ได้แสดงความกังวลต่อธนาคารในอิตาลีที่มีหนี้เสียจำนวนมาก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงความอ่อนแอของภาคการผลิตในยูโรโซน โดยผลสำรวจของมาร์กิตระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของยูโรโซนอยู่ที่ระดับ 52.0 ในเดือนก.ค. ลดลงจากระดับสูงสุดในรอบหกเดือนที่ 52.8 ในเดือนมิ.ย. และอยู่เหนือระดับ 51.9 ในรายงานเบื้องต้นเดือนก.ค.เพียงเล็กน้อย มาร์กิตระบุว่า เยอรมนี ออสเตรีย และเนเธอร์แลนด์มีการขยายตัวในภาคการผลิตมากที่สุด ขณะที่ฝรั่งเศสและกรีซอยู่ในภาวะหดตัว