ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐ ซึ่งออกมาอ่อนแอกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.08% ปิดที่ 346.09 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,500.19 จุด ลดลง 3.76 จุด หรือ -0.08% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,713.43 จุด ลดลง 29.41 จุด หรือ -0.27% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,916.02 จุด เพิ่มขึ้น 1.31 จุด หรือ +0.02%
ตลาดหุ้นยุโรปได้รับแรงกดดันจากข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนก.ค.ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนมิ.ย. ซึ่งผิดไปจากที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% หลังจากที่ปรับตัวขึ้นมา 3 เดือนติดต่อกัน
ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกเป็นส่วนสำคัญของการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสหรัฐ ข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้จึงบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายผู้บริโภคในไตรมาส 3 อาจชะลอตัวลง หลังจากที่เพิ่มขึ้นแข็งแกร่งถึง 4.2% ในไตรมาส 2 และอาจส่งผลต่ออัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ด้วย
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจในฝั่งยุโรปนั้น สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือยูโรสแตท เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/59 ของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.4% จากไตรมาสก่อนหน้านั้น
หากเทียบเป็นรายปีแล้ว GDP ของ EU ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.8% ในไตรมาสสองของปีนี้
สำหรับ GDP ของประเทศสมาชิกยูโรโซน ซึ่งมีสมาชิกน้อยกว่า EU ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งชะลอตัวลง หลังจากที่ขยายตัว 0.6% ในไตรมาสแรกของปีนี้
ขณะที่สำนักงานสถิติแห่งเยอรมนีเปิดเผยว่า GDP ไตรมาส 2 ของเยอรมนีในปีนี้ขยายตัว 0.4% สูงกว่าคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งอยูที่ 0.2%
หุ้น A.P. Moeller Maersk ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าทางเรือของเดนมาร์ก ปรับตัวขึ้น 3.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยถึงผลกำไรที่สูงเกินคาด ขณะที่หุ้น Tullow Oil Plc พุ่งขึ้น 4.2% หลังจากหุ้นของบริษัทได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น
สำหรับตลอดทั้งสัปดาห์นี้ ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่ง 1.4% เมื่อเทียบสัปดาห์ก่อนหน้า