ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิล และข้อมูลราคาบ้านในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ก่อนการเปิดเผยตัวเลขความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในคืนนี้
ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,483.33 จุด ลดลง 20.68 จุด หรือ 0.10%
หุ้นกลุ่มพลังงาน,การเงินดีดตัวสวนทางตลาดวันนี้
ราคาหุ้นแอปเปิลร่วงลง หลังคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) มีคำสั่งให้แอปเปิลจ่ายเงิน 1.3 หมื่นล้านยูโร (1.45 หมื่นล้านดอลลาร์) เป็นค่าภาษีย้อนหลัง บวกดอกเบี้ย ให้แก่รัฐบาลไอร์แลนด์ หลังพบว่าทางบริษัทได้รับประโยชน์ด้านภาษีจากรัฐบาลไอร์แลนด์ที่ผิดกฎระเบียบของสหภาพยุโรป (EU)
ณ เวลา 20.45 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้นแอปเปิลร่วงลง 0.67 ดอลลาร์ หรือ 0.63% สู่ระดับ 106.20 ดอลลาร์
นางมาร์เกรท เวสตาเกอร์ ซึ่งเป็นสมาชิก EC ฝ่ายป้องกันการผูกขาดตลาด มีคำสั่งในวันนี้ให้บริษัทแอปเปิลจ่ายเงินเป็นค่าภาษีย้อนหลัง บวกดอกเบี้ย ให้แก่รัฐบาลไอร์แลนด์ หลังพบว่าทางบริษัทได้รับประโยชน์ด้านภาษีจากรัฐบาลไอร์แลนด์ ภายใต้โครงการความช่วยเหลือของรัฐที่ผิดกฎระเบียบ EU เป็นเวลาถึง 11 ปี
นางเวสตาเกอร์ระบุว่า "ไอร์แลนด์ให้ผลประโยชน์ด้านภาษีที่ผิดกฎหมายแก่แอปเปิล ซึ่งทำให้แอปเปิลสามารถจ่ายภาษีในอัตราต่ำกว่าธุรกิจอื่นเป็นเวลาหลายปี"
นางเวสตาเกอร์กล่าวว่า แอปเปิลจ่ายภาษีในไอร์แลนด์จากกำไรในยุโรปของยอดขายไอโฟน รวมทั้งผลิตภัณฑ์ และบริการอื่นในอัตราลดลงจากระดับ 1% ในปี 2003 สู่ระดับเพียง 0.005% ในปี 2014 ซึ่งหมายความว่า จากกำไรทุกๆ 1 ล้านยูโร แอปเปิลจ่ายภาษีเพียง 50 ยูโร
สำหรับแอปเปิลแล้ว การหาเงิน 1.3 หมื่นล้านยูโรมาจ่ายตามคำสั่งของ EC ไม่น่าจะสร้างปัญหาแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทมีกำไรมากเป็นประวัติการณ์ถึง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งการจ่ายภาษีย้อนหลัง 1.3 หมื่นล้านยูโรจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 6% ของกระแสเงินทุนของทางบริษัท
ก่อนหน้านี้ ในปี 2014 ทาง EC ได้เคยกล่าวหารัฐบาลไอร์แลนด์ว่าได้เลี่ยงกฎข้อบังคับด้านภาษีระหว่างประเทศ โดยยอมให้แอปเปิลเข้าซุกกำไรจำนวนหลายหมื่นล้านดอลลาร์เพื่อแลกกับการจ้างงานจากทางแอปเปิล
ทั้งนี้ แอปเปิลมีการจ้างงานพนักงานจำนวน 5,500 คนในไอร์แลนด์
ผลสำรวจของสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ราคาบ้านในสหรัฐชะลอตัวลงในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี หลังจากเพิ่มขึ้น 5.2% ในเดือนพ.ค. และต่ำกว่าคาดการณ์ที่ระดับ 5.2%
ราคาบ้านเพิ่มขึ้นสูงสุดในเมืองพอร์ทแลนด์ รัฐโอเรกอน (12.6%), ซีแอตเติล (11%) และเดนเวอร์ (9.2%)
ส่วนดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.1% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานสหรัฐในวันศุกร์นี้ ซึ่งหากออกมาแข็งแกร่ง ก็จะเป็นปัจจัยหนุนให้เฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. แต่ถ้าตัวเลขจ้างงานออกมาต่ำกว่าคาด ก็จะลดแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด