ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (5 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร อย่างไรก็ตาม ตลาดปรับตัวลงในกรอบจำกัด เนื่องจากนักลงทุนบางส่วนได้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ หลังจากเงินปอนด์อ่อนค่าลง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,879.42 จุด ลดลง 15.18 จุด หรือ -0.22%
ตลาดหุ้นลอนดอนปิดอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังจากดอยช์ แบงก์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ (RBS) ลงสู่ระดับ "sell" จากระดับ "hold" ส่งผลให้ราคาหุ้น RBS ร่วงลง 3.5% ขณะที่หุ้นลอยด์ แบงกิ้ง ร่วงลง 2.1% ดอยช์ แบงก์ ระบุว่า แม้หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ถูกกระหน่ำขายอย่างหนักภายหลังจากที่อังกฤษลงประชามติถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป แต่ภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำที่ยืดเยื้อเป็นเวลานานนั้น จะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อภาคธนาคาร
อย่างไรก็ตาม ตลาดได้รับแรงหนุนในระหว่างวันจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ เนื่องจากการอ่อนค่าของเงินปอนด์ช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของบริษัทเหมืองแร่อังกฤษที่เข้าไปดำเนินงานในต่างประเทศ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดีดตัวขึ้น 0.9% และหุ้นแรนด์โกลด์ รีซอส ปรับขึ้น 1.7%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากบริษัท ไอเอชเอส มาร์กิต และสถาบันจัดซื้อและอุปทาน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของสหราชอาณาจักรพุ่งขึ้นสู่ระดับ 53.2 ในเดือนส.ค. จากระดับ 47.4 ในเดือนก.ค. ซึ่งขณะนั้นได้รับผลกระทบจากการลงประชามติในวันที่ 23 มิ.ย.เกี่ยวกับการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)