ณ เวลา 01.06 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (DJIA) อยู่ที่ 18,168.71 จุด ดิ่งลง 311.20 จุด หรือ 1.68% โดยปรับตัวลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน
ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทรุดตัวลงมากที่สุดในวันนี้ นับตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. และเป็นการร่วงลงมากกว่า 100 จุดเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค.
หุ้นทั้ง 30 ตัวที่ใช้คำนวณดัชนี DJIA ต่างปรับตัวลงในวันนี้ ขณะที่หุ้น 3M และหุ้นโบอิ้งฉุดตลาดลงมากที่สุด
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวเตือนในวันนี้ว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ดังนั้นการใช้นโยบายคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงมีความเหมาะสม
นายโรเซนเกรนระบุว่า ขณะนี้เฟดเผชิญความเสี่ยงใน 2 ด้าน โดยด้านหนึ่งคือการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ ขณะเดียวกัน เฟดก็เผชิญความเสี่ยงจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐอาจร้อนแรงเกินไป หากเฟดคงนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเป็นเวลานานเกินไป
นายโรเซนเกรนยังกล่าวว่า "หากเราต้องการมีการจ้างงานเต็มศักยภาพ การคุมเข้มนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพื่อปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ"
ประธานเฟดบอสตันไม่ได้ระบุว่าเขาคาดหวังให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสิ้นปีหรือไม่ แต่ถ้อยแถลงของเขาสอดคล้องกับสิ่งที่นางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด กล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น
ทางด้านนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นายแคปแลนกล่าวว่า การที่มีปัจจัยกระทบการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะยาว บ่งชี้ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอัตราที่ช้ามาก
ประธานเฟดดัลลัส ยังกล่าวว่า รายงานการจ้างงานในช่วงที่ผ่านมา บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานยังคงปรับตัวดีขึ้น และขณะที่อัตราเงินเฟ้อกำลังเพิ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% จึงคาดกันว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงค่อยๆปรับตัวขึ้นต่อไปในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า
CME Group FedWatch ระบุว่า นักลงทุนได้เพิ่มคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนนี้ หลังคำกล่าวของนายโรเซนเกรน และนายแคปแลน
ทั้งนี้ นักลงทุนเพิ่มความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.สู่ระดับ 24% จากเดิมที่ 18%
เกาหลีเหนือได้ออกมาประกาศความสำเร็จในการทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ในวันนี้ โดยการทดสอบครั้งนี้มีขึ้นเพื่อฉลองครบรอบ 68 ปีแห่งการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี (DPRK)
นอกจากนี้ การดิ่งลงของราคาน้ำมัน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่กดดันตลาดในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 3% ในวันนี้จากแรงขายทำกำไร หลังราคาพุ่งขึ้นอย่างมากเมื่อคืนนี้ จากข้อมูลสต็อกน้ำมันสหรัฐที่ลดลงมากเกินคาด
ณ เวลา 01.11 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.63 ดอลลาร์ หรือ 3.42% สู่ระดับ 45.99 ดอลลาร์/บาร์เรล