ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าดิ่งลงกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะร่วงลงในคืนนี้ โดยถูกถ่วงลงจากราคาน้ำมันที่ทรุดตัวลง รวมทั้งความไม่แน่นอนต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
ณ เวลา 19.29 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าลบ 107 จุด หรือ 0.59% สู่ระดับ 18,139 จุด
สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI ดิ่งลงกว่า 2% ในวันนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการที่สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันโลกอยู่ในอัตราต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ณ เวลา 19.19 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนต.ค. ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ตลาด NYMEX ลดลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 2.29% สู่ระดับ 45.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
IEA ระบุในวันนี้ว่า การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันโลกอยู่ในอัตราต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และตลาดจะใช้เวลามากขึ้นในการปรับตัวสู่ระดับสมดุล
IEA คาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.3 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ โดยปรับลดลง 100,000 บาร์เรล/วัน จากคาดการณ์ก่อนหน้านี้ ขณะที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวในไตรมาส 3
IEA ยังคาดการณ์ว่า อุปสงค์น้ำมันจะลดลงต่อไปสู่ระดับ 1.2 ล้านบาร์เรล/วันในปีหน้า เนื่องจากยังคงมีความไม่แน่นอนต่อภาวะเศรษฐกิจมหภาค
นอกจากนี้ การที่เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ออกมาแสดงความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก็ได้สร้างความไม่แน่นอนต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นางลาเอล เบรนนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ซึ่งมีสิทธิลงคะแนนในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า กล่าวว่า เฟดควรดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีการฟื้นตัว
นางเบรนนาร์ดแนะนำให้เฟดใช้ความระมัดระวังมิให้ปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป ขณะที่ยังคงมีความวิตกต่อผลกระทบจากปัจจัยภายนอกประเทศที่จะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐ
ความเห็นของนางเบรนนาร์ดสวนทางเจ้าหน้าที่เฟดรายอื่นๆที่สนับสนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ
นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า สภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันเป็นเหตุผลสนับสนุนให้เฟดควรทำการหารืออย่างจริงจังในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย.เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
"ถ้าอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 1.6% และอัตราว่างงานอยู่ที่ 4.9% คุณก็ลองคิดดูว่าอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25-0.50% ยังคงมีความเหมาะสมหรือไม่" เขากล่าว
นายล็อคฮาร์ทระบุว่า จากการพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจในขณะนี้ และจากการติดต่อกับภาคธุรกิจในเขตแอตแลนตา ทำให้เขามั่นใจว่าการขยายตัวของการจ้างงานจะยังคงดำเนินไป และเงินเฟ้อจะปรับตัวขึ้นไปสู่เป้าหมายของเฟดที่ 2% ในที่สุด
คำกล่าวของนายล็อคฮาร์ทสอดรับกับท่าทีของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายที่สนับสนุนให้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวเตือนว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป
ส่วนนายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา