ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (13 ก.ย.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางที่ไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาแสดงความคิดเห็นที่ไม่สอดคล้องกัน นอกจากนี้ และการร่วงลงของราคาน้ำมันยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,066.75 จุด ร่วงลง 258.32 จุด หรือ -1.41% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,155.25 จุด ลดลง 56.64 จุด หรือ -1.09% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,127.02 จุด ลดลง 32.02 จุด หรือ -1.48%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางที่ไม่แน่นอนของอัตราดอกเบี้ยเฟด หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดได้ออกมาแสดงความเห็นที่แตกต่างกัน โดยนางลาเอล เบรนนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการเฟด และเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ FOMC ซึ่งมีสิทธิลงคะแนนในการประชุมนโยบายการเงินในสัปดาห์หน้า กล่าวว่า เฟดควรดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินต่อไป พร้อมกับแนะนำให้เฟดใช้ความระมัดระวังมิให้ปรับนโยบายอัตราดอกเบี้ยเร็วเกินไป เนื่องจากปัจจัยลบจากต่างประเทศอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
การแสดงความเห็นของนางเบรนนาร์ดสวนทางกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆของเฟด โดยนายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวเตือนว่า เฟดเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น หากชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปนานเกินไป ดังนั้นการใช้นโยบายคุมเข้มอย่างค่อยเป็นค่อยไปจึงมีความเหมาะสม
ขณะที่นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย กำลังมีน้ำหนักมากขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ร่วงลง 3% เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) ระบุว่า การขยายตัวของอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกอยู่ในอัตราต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วย โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 2.8% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.4% หุ้นมาราธอน ออยล์ ทรุดลง 7.6% ส่วนหุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลีย ปรับตัวลง 1% และหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอแรน ร่วงลง 9.2%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 2.3% ส่วนหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 3.8% หลังจากธนาคารถูกปรับเป็นเงินมูลค่า 185 ล้านดอลลาร์ จากการที่พนักงานเปิดบัญชีลูกค้าปลอมเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านบัญชี เพื่อให้สามารถบรรลุเป้ายอดขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินของธนาคาร
หุ้นอินเทอร์ซิล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิพรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 10% หลังจากเรเนซัส อิเล็กทรอนิกส์ บริษัทผลิตชิพรายใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศเข้าซื้อกิจการอินเทอร์ซิล มูลค่า 3.2 พันล้านดอลลาร์
นักลงทุนจับตาดูการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้อย่างใกล้ชิด ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดจะไม่สามารถออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยสหรัฐนับตั้งแต่เมื่อวานนี้ ก่อนถึงการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันดังกล่าว ตามกฎการห้ามแสดงความคิดเห็นก่อนการประชุมเฟดเป็นเวลา 1 สัปดาห์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค.,ดุลบัญชีเดินสะพัดในไตรมาส 2/2559, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนก.ย.โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน