ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนลบในวันนี้ โดยร่วงลงติดต่อกันเป็นวันทำการที่ 2 ขณะที่นักลงทุนจับตาศึกดีเบตระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ในวันนี้ ซึ่งจะเป็นเหตุการณ์สำคัญที่อาจชี้ชะตาผลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปลายปีนี้
ณ เวลา 20.42 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,119.38 จุด ลดลง 142.52 จุด หรือ 0.77%
ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงในวันนี้ทำสถิติทรุดหนักสุดในรอบ 2 สัปดาห์
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังมีแนวโน้มร่วงลงหนักสุดในเดือนนี้นับตั้งแต่เดือนม.ค. โดยขณะนี้ดิ่งลงแล้วกว่า 1%
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลงนำตลาดวันนี้ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นสวนทางตลาด ตามราคาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นถึง 2%
การโต้อภิปรายในสหรัฐดังกล่าวจะมีขึ้นในวันนี้ที่มหาวิทยาลัยฮอฟสตรา รัฐนิวยอร์ก ณ เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลา Prime Time ในสหรัฐ หรือพรุ่งนี้เช้าเวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย โดยจะใช้เวลา 90 นาที และจะมีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ รวมทั้งช่อง CNN และ BBC ไปยังผู้ชมทั่วโลก
และจากการที่มีการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ ทำให้ผู้ชมทางบ้านทำการตัดสินผลการแพ้ชนะด้วยการดูภาษากายของผู้สมัครทั้ง 2 นอกเหนือจากเนื้อหาที่ทั้ง 2 ฝ่ายกล่าวบนเวที
นางฮิลลารีถือเป็นนักโต้วาทีตัวยง โดยได้ผ่านการดีเบตมาแล้วเกือบ 40 ครั้ง นับตั้งแต่ที่ได้ทำการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกในรัฐนิวยอร์กเมื่อ 16 ปีก่อน และขณะนี้ก็กำลังเตรียมซ้อมการโต้อภิปรายสำหรับศึกดีเบตนี้ โดยมีการจำลองเหตุการณ์จริง ซึ่งมีการให้นายฟิลิป ไรน์ ซึ่งเป็นคนสนิท มารับบทเป็นนายทรัมป์ โดยนางฮิลลารีเตรียมรับมือการโจมตีของนายทรัมป์ในด้านต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งเรื่องราวอื้อฉาวทางเพศของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน ซึ่งเป็นสามีของนางฮิลลารี ซึ่งเกือบส่งผลกระทบต่อชีวิตคู่ของทั้ง 2 ในขณะนั้น
นอกจากนี้ นางฮิลลารีจำเป็นต้องแสดงให้ชาวสหรัฐเชื่อมั่นในสุขภาพของตน หลังจากที่มีอาการป่วยจากโรคปอดบวม
นายแดเนียล คลิฟตัน หัวหน้าสถาบันวิจัยสเตรทแกส กล่าวว่า "หุ้นมักจะขึ้น หากพรรคการเมืองที่กำลังเป็นรัฐบาลสหรัฐในขณะนั้นโต้วาทีชนะ ซึ่งถ้าฮิลลารีสามารถปิดปากทรัมป์ในการดีเบตครั้งนี้ เราจะเห็นว่าดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นอย่างมาก แต่ถ้าทรัมป์ชนะการดีเบต นักลงทุนก็จะเทขายหุ้นในตลาด เนื่องจากทรัมป์เป็นคนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้"
นายคลิฟตันระบุว่า หากนางฮิลลารีชนะการดีเบต หุ้นส่วนใหญ่ในตลาดจะปรับตัวขึ้น รวมถึงหุ้นกลุ่มพลังงานทดแทน และกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน แต่ถ้านายทรัมป์ชนะ หุ้นส่วนใหญ่จะร่วงลง ยกเว้นกลุ่มเทคโนโลยีชีวภาพ, บริษัทผลิตอาวุธ, กลุ่มน้ำมันและก๊าซ รวมทั้งกลุ่มธนาคาร
นอกจากนี้ นักลงทุนยังให้ความสนใจต่อการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และรัสเซียที่มีกำหนดจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการในวันที่ 26-28 ก.ย.นี้ นอกรอบการประชุมพลังงานระหว่างประเทศ (IEF) ที่แอลจีเรีย โดยที่ประชุมจะหารือการรักษาเสถียรภาพของราคาน้ำมัน