ตลาดหุ้นยุโรปเริ่มต้นสัปดาห์แรกของเดือนต.ค.อย่างสดใส หลังตลาดหุ้นอังกฤษพุ่งขึ้นกว่า 1% โดยได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของปอนด์ ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อผู้ส่งออกของอังกฤษ และบริษัทข้ามชาติ
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ของตลาดหุ้นอังกฤษทะยานขึ้น 1.2% ในการซื้อขายช่วงแรก ขณะที่ดัชนี CAC 40 ของตลาดหุ้นฝรั่งเศส บวก 0.3%
การที่ตลาดหุ้นเยอรมันปิดทำการในวันนี้ เนื่องจากเป็นวันหยุดประจำชาติ ได้ช่วยให้นักลงทุนยุติความวิตกเกี่ยวกับดอยซ์แบงก์ลงชั่วคราว หลังจากที่ตลาดหุ้นทั่วโลกได้ดิ่งลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาจากความกังวลต่อสถานะการเงินของดอยซ์แบงก์ และผลกระทบที่จะมีต่อระบบธนาคารของยุโรป
ปอนด์ดิ่งลงในวันนี้ หลังนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยว่า เธอจะเริ่มกระบวนการถอนตัวจากสหภาพยุโรป (EU) อย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือนมี.ค.2560
ณ เวลา 17.55 น.ตามเวลาไทย ปอนด์ร่วงลง 0.77% อยู่ที่ 1.2875 ดอลลาร์ และอ่อนค่าลง 0.47% สู่ระดับ 0.8723 เทียบยูโร
อย่างไรก็ดี นางเมย์ยังไม่ได้ระบุถึงวันที่แน่นอนในการใช้มาตรา 50 ของสนธิสัญญาลิสบอนของสหภาพยุโรปที่กำหนดไว้สำหรับประเทศสมาชิกที่ต้องการถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของกลุ่ม
นางเมย์กล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่สำคัญสำหรับสหราชอาณาจักรและยุโรปที่จะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านในช่วงที่สหราชอาณาจักรถอนตัวจาก EU เป็นไปอย่างราบรื่น
แหล่งข่าวระบุในวันศุกร์ว่า ดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 โดยดอยซ์แบงก์หวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐได้ ก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.
หากรายงานข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ค่าปรับที่ดอยซ์แบงก์จะต้องจ่ายต่อทางสหรัฐก็จะลดลงเป็นอย่างมากจากระดับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องในเบื้องต้น