ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 54.30 จุด เหตุตลาดยังกังวลสถานการณ์"ดอยซ์แบงก์"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 4, 2016 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (3 ต.ค.) ซึ่งเป็นการซื้อขายวันแรกของไตรมาส 4/2559 โดยตลาดได้รับปัจจัยลบจากการที่นักลงทุนเริ่มไม่มั่นใจว่าดอยซ์แบงก์จะสามารถบรรลุข้อตกลงการลดเงินค่าปรับกับทางการสหรัฐได้ในเร็ววัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะขยายตัว

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,253.85 จุด ลดลง 54.30 จุด หรือ -0.30% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,300.87 จุด ลดลง 11.13 จุด หรือ -0.21% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,161.20 จุด ลดลง 7.07 จุด หรือ -0.33%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนแรงลง โดยนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคาร เนื่องจากความไม่มั่นใจว่าธนาคารดอยซ์แบงก์จะสามารถบรรลุข้อตกลงการลดเงินค่าปรับกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้ในเร็ววัน ขณะที่ดอยซ์แบงก์คาดหวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐได้ ก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.

มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า หากดอยซ์แบงก์สามารถเจรจาลดค่าปรับกับทางการสหรัฐเหลือเพียง 3.1 พันล้านดอลลาร์ เรื่องนี้ก็จะเป็นผลบวกต่อผู้ถือหุ้นกู้ของทางธนาคาร แต่ถ้าดอยซ์แบงก์ต้องจ่ายค่าปรับ 5.7 พันล้านดอลลาร์ ก็จะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรในปีนี้ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อฐานเงินทุนของทางธนาคารอย่างมีนัยสำคัญ

ขณะที่ข่าวอื้อฉาวของธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ยังส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มธนาคารด้วยเช่นกัน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า รัฐอิลลินอยส์ประการะงับการทำธุรกรรมการลงทุนวงเงิน 3 หมื่นล้านดอลลาร์กับธนาคารเวลส์ ฟาร์โก หลังจากที่ทางธนาคารถูกปรับเป็นเงินมูลค่า 185 ล้านดอลลาร์ จากการที่พนักงานของธนาคารได้เปิดบัญชีลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นจำนวนกว่า 2 ล้านบัญชี เพื่อเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ด้านการเงินของธนาคาร

ทั้งนี้ หุ้นดอยช์แบงก์ปิดตลาดปรับตัวลง 0.8% หลังจากที่ร่วงลงเกือบ 3% ในระหว่างวัน

ส่วนหุ้นกลุ่มธุรกิจเพื่อผู้บริโภคร่วงลงเช่นกัน นำโดยหุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล ดิ่งลง 1.2%

หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลง หลังจากมีรายงานว่ายอดขายรถยนต์ในตลาดสหรัฐอ่อนแรงลง โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ดิ่งลง 8% หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ ลดลง 0.6% หุ้นเฟี๊ยต ไคร์สเลอร์ ร่วงลง 1%

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากภาคการผลิตของสหรัฐเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะขยายตัว โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นแตะระดับ 51.5 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.4 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 50.3

นอกจากนี้ นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของอังกฤษที่ประกาศเริ่มกระบวนการถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เปิดเผยกับบีบีซีว่า เธอจะเริ่มกระบวนการถอนตัวจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นเดือนมี.ค. 2560

ทางด้านนายฟิลิป แฮมมอนด์ รมว.คลังอังกฤษ กล่าวเตือนเมื่อวานนี้ว่า อังกฤษจะเผชิญกับความผันผวนในช่วงหลายปีข้างหน้า ในขณะที่ทำการเจรจาเพื่อแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (EU)

นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะข้อมูลแรงงานซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ย.จาก ADP, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ