ดาวโจนส์เปิดแดนบวก นักลงทุนโฟกัสคืบหน้าลดค่าปรับดอยซ์แบงก์,ถ้อยแถลงเจ้าหน้าที่เฟด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 4, 2016 21:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลาดหุ้นนิวยอร์กเปิดแดนบวกในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาความคืบหน้าของดอยซ์แบงก์ในการเจรจาเพื่อปรับลดค่าปรับกับทางการสหรัฐ รวมทั้งการกล่าวถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ

ณ เวลา 20.46 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 18,300.83 จุด เพิ่มขึ้น 49.24 จุด หรือ 0.28%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นนำตลาดวันนี้ ขณะที่กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลง

นอกจากนี้ การที่ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน ก็เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดในวันนี้

ราคาหุ้นดอยซ์แบงก์ปรับตัวขึ้นในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ตในวันนี้ แม้ว่ายังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาลดค่าปรับกับทางสหรัฐ ขณะที่ผู้บริหารก็ยังไม่ได้ออกมายืนยันข่าวดังกล่าว

ณ เวลา 17.22 น.ตามเวลาไทย ราคาหุ้นดอยซ์แบงก์บวก 0.52% อยู่ที่ 11.63 ยูโร

ตลาดหุ้นแฟรงก์เฟิร์ตปิดทำการเมื่อวานนี้ เนื่องจากเป็นวันหยุดประจำชาติในเยอรมนี

หุ้นดอยซ์แบงก์ร่วงลงในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทเมื่อคืนนี้ หลังจากที่พุ่งขึ้นถึง 6% เมื่อวันศุกร์ โดยนักลงทุนมองว่าทางธนาคารอาจต้องใช้เวลาในการเจรจากับทางสหรัฐเพื่อลดการจ่ายค่าปรับ ขณะที่ดอยซ์แบงก์หวังว่าจะสามารถบรรลุข้อตกลงก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 8 พ.ย.

ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุในวันศุกร์ว่า ดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของเยอรมนี ใกล้บรรลุข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ เกี่ยวกับการจ่ายค่าปรับเพียง 5.4 พันล้านดอลลาร์เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ซึ่งเป็นต้นเหตุของวิกฤตการเงินโลกในปี 2551

หากรายงานข่าวดังกล่าวเป็นความจริง ค่าปรับที่ดอยซ์แบงก์จะต้องจ่ายต่อทางสหรัฐก็จะลดลงเป็นอย่างมากจากระดับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ที่ทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เรียกร้องในเบื้องต้น

นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ กล่าวว่า เขาเชื่อว่าดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเยอรมนี จะไม่ได้รับผลกระทบมากนักจากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้

นายไดมอนกล่าวว่า "ไม่มีเหตุผลที่จะต้องวิตกว่าดอยซ์แบงก์จะไม่สามารถผ่านพ้นปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่ เพราะทางธนาคารมีเงินทุนเป็นจำนวนมาก และมีสภาพคล่องสูง"

"เราต้องการให้ทางธนาคารผ่านพ้นปัญหาไปได้ เนื่องจากจะเป็นผลดีต่อทุกๆคน" เขากล่าว

ทางด้านนายเจฟฟรีย์ แลคเกอร์ ประธานเฟด สาขาริชมอนด์ กล่าวว่า เหตุผลสำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยกำลังมีน้ำหนักมากขึ้น โดยเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างมากเพื่อทำให้เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุม

"การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเพื่อป้องกันล่วงหน้ามีแนวโน้มที่จะมีบทบาทสำคัญในการรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อ" เขากล่าว

ทั้งนี้ เฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ในการประชุมเดือนที่แล้ว และกรรมการเฟดส่วนใหญ่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ก่อนสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ดี นายแลคเกอร์ระบุว่า ประวัติศาสตร์ทางด้านเศรษฐกิจได้บ่งชี้ให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยควรอยู่สูงกว่าระดับในปัจจุบันราว 1.50% เมื่อพิจารณาจากระดับของอัตราการว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้

ท่าทีของนายแลคเกอร์สอดคล้องกับนางโลเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟด สาขาคลีฟแลนด์ ที่กล่าวว่า เฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 1-2 พ.ย. แม้ว่าการประชุมจะมีขึ้นก่อนการเลือกตั้งสหรัฐวันที่ 8 พ.ย. เพียงไม่กี่วัน พร้อมกับเน้นย้ำว่า การเมืองไม่ได้ส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟด

เมื่อวานนี้ สหรัฐเปิดเผยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ที่ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM พุ่งขึ้นแตะระดับ 51.5 ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจากระดับ 49.4 ในเดือนส.ค. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ 50.3 โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะขยายตัว หลังจากที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ในเดือนส.ค. ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะหดตัว

การเปิดเผยตัวเลขภาคการผลิตดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังคงรอการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์นี้ ซึ่งจะบ่งชี้แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ