ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (5 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจปรับลดวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลง 0.6% ปิดที่ 344.20 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,489.95 จุด ลดลง 13.14 จุด หรือ -0.29% ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,585.78 จุด ลดลง 33.83 จุด หรือ -0.32% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,033.25 จุด ลดลง 41.09 จุด หรือ -0.58%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดอ่อนแรงลงหลังจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ECB อาจจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโร/เดือน ก่อนที่โครงการดังกล่าวจะหมดอายุในเดือนมี.ค.ปีหน้า
นักวิเคราะห์จากบีเค แอสเซท เมเนจเมนท์กล่าวว่า นักลงทุนประหลาดใจกับการรายงานข่าวดังกล่าว เนื่องจากการปรับลดวงเงิน QE ก่อนกำหนดนั้น ถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปรกติ และแม้ว่านายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB ได้ออกมาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าวด้วยการระบุว่า ECB ไม่ได้มีการหารือกันในประเด็นนี้ แต่นักลงทุนก็ยังมองว่า มีความเป็นไปได้น้อยมากที่ ECB จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินอีก
หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ปรับตัวลง 0.1% หลังจากนักวิเคราะห์ของบีเอ็นพี พาริบาส์ ได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม หุ้นดอยซ์แบงก์ ดีดตัวขึ้น 2.8% หลังจากหนังสือพิมพ์ Der Platow Brief ของเยอรมนีรายงานว่า ดอยซ์แบงก์กำลังเจรจากับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเพื่อลดค่าปรับจาก 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 4-5 พันล้านดอลลาร์ในช่วงสิ้นเดือนนี้
นอกจากนี้ ทางธนาคารกำลังพิจารณาทำการเพิ่มทุน และยกเลิกการจ่ายโบนัส
หุ้นเทสโก้พุ่งขึ้น 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรจากการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปีนี้เพิ่มขึ้น 60% แตะที่ 596 ล้านปอนด์ (759 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ซึ่งอยู่ที่ 523 ล้านปอนด์